กลุ่มที่ 2 กิจการที่ส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน ประกอบด้วย 1.กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางระหว่างเมือง 4 โครงการ 2.กิจการพัฒนาสถานีขนส่งบรรจุแยกและกระจายสินค้า 4 โครงการ 3.กิจการพัฒนาระบบตั๋วร่วม 1 โครงการ 4.กิจการพัฒนาระบบจัดการคุณภาพน้ำ 7 โครงการ 5.กิจการพัฒนาระบบจัดการขยะมูลฝอย 1 โครงการ 6.กิจการพัฒนาสถานศึกษาของรัฐ 8 โครงการ 7.กิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข 3 โครงการ และ 8.กิจการพัฒนาด้านยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 3 โครงการ 9.กิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 6 โครงการ 10.กิจการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิตอล 5 โครงการ 11.กิจการพัฒนาศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ 1 โครงการ และ 11.กิจการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส 1 โครงการ
นายกุลิศ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวนี้ รัฐบาลจะรับภาระเฉพาะในส่วนที่เป็นเรื่องการเวนคืนเท่านั้น ซึ่งการเข้ามาให้เอกชนร่วมลงทุนจะทำให้ช่วยประหยัดงบประมาณลงได้ และหลังจากนี้ คณะกรรมการ PPP จะนำเสนอร่างแผนยุทธศาสตร์ PPP ต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจะประกาศใช้ภายในเดือนเม.ย.58 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางสำหรับกระทรวงต่างๆ และหน่วยงานในสังกัดต่อไป
โดยในปี 2558 จะมีโครงการที่จะดำเนินการคัดเลือกเอกชนอย่างน้อย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย(ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ) และโครงการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (หรือ ICD ลาดกระบัง)
นอกจากนี้ คณะกรรมการ PPP ยังเห็นชอบร่างกฎหมายลำดับรอง เพื่อรองรับการปรับมูลค่าโครงการที่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.PPP จาก 1 พันล้านบาท เป็น 5 พันล้านบาท ซึ่งต่อไปกระทรวงการคลังจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างกฎกระทรวงในการปรับมูลค่าเป็น 5 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในเดือนพ.ค.58 น่าจะประกาศใช้ได้
ทั้งนี ในปัจจุบันกฎหมายลำดับรองต่างๆ มีผลบังคับใช้ครบถ้วนแล้ว รวมทั้งหลักเกณฑ์สำหรับรองรับโครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ดังนั้นหน่วยงานต่างๆ สามารถนำเสนอโครงการได้ทันที
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการ PPP ยังพิจารณาให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีสำหรับโครงการ Motorway สายบางปะอิน-โคราช ระยะทาง 196 กม. และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. รวมทั้งได้พิจารณาให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินการคัดเลือกเอกชนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายด้วย
นายกุลิศ กล่าวว่า นอกเหนือจาก 65 โครงการแล้ว ยังมีโครงการที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงคมนาคมที่สามารถนำเข้าสู่แผนนี้ แต่อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้อีก 10 โครงการ วงเงิน 5.2 แสนล้านบาท โดยจะเป็นส่วนที่เอกชนสามารถเข้ามาร่วมลงทุนได้ 2.06 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการปรับกฎหมายที่จะมารองรับให้เอกชนเข้ามาดำเนินการอีก 2-3 ฉบับ จากนั้นจึงจะเริ่มดำเนินการได้