นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาปรับอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 และดีเซลลง 1 บาท/ลิตร และปรับลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ลง 0.50 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันเบนซิน E 20 และ E85 ยังคงอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เท่าเดิม แต่จะประสานให้ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกลง
ทั้งนี้จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2558 เป็นต้นไป ปรับลดลงดังนี้ น้ำมันเบนซิน ลดลง 1 บาท/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกเป็น 33.46 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล 95 ลด 1 บาท/ลิตร ราคาขายปลีกเป็น 27.90 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล 91 ลด 0.50 บาท/ลิตร ราคาขายปลีก 27.08 บาท/ลิตร, E20 ลด 0.50 ราคาขายปลีก/ลิตร ราคาขายปลีก 25.68 บาท/ลิตร, E85 ลดลง 1.50 บาท/ลิตร ราคาขายปลีก 21.98 บาท/ลิตร และ ดีเซล ลดลง 1 บาท/ลิตร ราคาขายปลีก 25.09 บาท/ลิตร
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 15 ธันวาคม 2557 ที่เห็นชอบกรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้ลดการชดเชยข้ามประเภทเชื้อเพลิง (Cross Subsidy) และให้กองทุนน้ำมันฯ มีบทบาทหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ที่ประชุมฯ จึงได้พิจารณาและเห็นชอบแนวทางการจัดสรรเงินประเดิมจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับกลุ่มน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซ LPG โดยจัดสรรตามมูลค่าการใช้น้ำมันและก๊าซLPG ในปี 2557 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1,493 ล้านบาท/วัน แยกสัดส่วนเป็นมูลค่าการใช้น้ำมันสำเร็จรูปประมาณ 85% และมูลค่าการใช้ก๊าซ LPG 15% ซึ่งเมื่อจัดสรรจากเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่มีอยู่ กลุ่มน้ำมันสำเร็จรูปจะมีเงินประเดิมประมาณ 33,365 ล้านบาท และกลุ่มก๊าซ LPG มีเงินประเดิมประมาณ 5,717 ล้านบาท