อย่างไรก็ตาม กกร.ยังประเมินการเติบโตของ GDP ปีนี้ไว้ที่ 3.5% โดยภาพเศรษฐกิจยังคงมีทิศทางฟื้นตัวอย่างช้าๆ ด้วยปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าโต 29% โดยคาดว่าตลอดทั้งปี จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน ส่วนปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศไทย (ICAO) นั้น มองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น
ขณะที่ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนซึ่งนับว่าเป็นความหวังของการฟื้นตัวเศรษฐกิจในช่วงปีที่เหลือ กลับยังเบิกจ่ายได้ต่ำกว่าในอดีตและเป้าที่ภาครัฐวางไว้มาก โดยมีความคาดหวังจะเห็นอัตราการเบิกจ่ายที่เร่งตัวขึ้นในไตรมาสถัดๆไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง จากงบประมาณปี 2558 มีวงเงินงบประมาณ 2,575 พันล้านบาท (เบิกจ่ายสะสม 1,096 พันลบ. หรือคิดเป็น 43% ของงบประมาณรวม) นอกจากนี้ กกร.ให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพภาครัฐ หรือ Ease of Doing Business โดยได้จัดทำ Benchmark ของแต่ละตัวชี้วัด เช่น การจัดตั้งธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การจดทะเบียนมาตรฐานบังคับและการออกมาตรฐานต่างๆของสินค้าอุตสาหกรรม การเสียภาษี การนำเข้า-ส่งออก และ ใบอนุญาตทำงานและ Visa เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการติดตามและผลักดันให้เกิดการปรับปรุง ซึ่งจะสามารถลดระยะเวลาและต้นทุนของภาคธุรกิจโดยรวม โดย กกร.ร่วมกับ JETRO กำหนดจัด Invest Japan Symposium ในวันที่ 27 พ.ค.58 เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจไทย ที่สนใจเข้าไปทำธุรกิจหรือลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับความสนใจของภาคเอกชนไทยที่จะขยายธุรกิจการค้าการลงทุนไปยังประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ กกร.จะได้จัดทำ Value Chain ของ cluster ที่ได้คัดเลือกเพื่อดำเนินการในระยะเร่งด่วน(ภายในปีนี้) ได้แก่ เกษตรและอาหาร (ที่เป็นอนาคต) ท่องเที่ยวและบริการเชิงสุขภาพ (wellness) Digital Economy, Logistics, Lifestyle, ยางและไม้ยางพารา, Machinery, ชิ้นส่วนยานยนต์ การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การพัฒนาตลาดการเงิน-ธนาคารและตลาดทุนเพื่อนำหารือในคณะอนุกรรมการการพัฒนา Cluster ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยในวันที่ 9 เม.ย.จะได้หารือแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ร่วมกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี