โดยตามแผนร่างแผนพีดีพีคำนวณจาก GDP เฉลี่ยของประเทศขยายตัวลดลงจาก 4.41% เหลือ 3.91% กำลังผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 2579 จะอยู่ที่ 70,410 เมกะวัตต์ จากปี 2557 มีกำลังผลิต 37,612 เมกะวัตต์ จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 57,467 เมกะวัตต์ และมีกำลัวผลิตที่ปลดออก 24,669 เมกะวัตต์ โดยจะมีโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ 2569-2579 เมกะวัตต์ 30,731 เมกวัตต์ แยกเป็น โรงไฟฟ้าถ่านหิน 3,000 เมกะวัตต์ ,ก๊าซธรรมชาติ 2,600 เกมะวัตต์ นิวเคลียร์ 2,000 เกมะวัตต์ กังหันแก๊ส 1,250 เมกะวัตต์ โคเจนเนอเรชั่น 357 เมกะวัตต์ พลังงานหมุนเวียน 12,205 เมกะวัตต์ พลังน้ำสูบกลับ 1,601 เมกะวัตต์ และซื้อต่างประเทศ 7,700 เมกะวัตต์ ในขณะที่มีโครงการที่ผูกพันแล้วทั้งโครงการรัฐ/เอกชน เช่น IPP SPP 26,754 เมกะวัตต์
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ตามแผนดังกล่าวสุดท้ายแล้วในปี 2579 ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.5 บาท/หน่วย เป็นอัตราที่สามารถแข่งขันได้กับประเทศในอาเซียน ซึ่งมาจากการกระจายเชื้อเพลิง และแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยลดการใช้การก่อสร้างไฟฟ้าใหม่ได้ถึง 10,000 เมกะวัตต์ ทำให้ประเทศมีความมั่นคงและมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นพีดีพี 2015 ต่อประชาชนทั่วไปอีกครั้งในวันที่ 28 เม.ย.นี้ จากนั้นจะนำมาปรับปรุงเพื่อเสนอ รมว.พลังงาน ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ในเดือน พ.ค.นี้ต่อไป