สำหรับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนตามสถิติของไทยยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะถ้าดูจากยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมดจะอยู่ที่ 3.1% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล แต่มีส่วนที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ NPL ของสินเชื่อบุคคล ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงที่ 4.7% และ NPL ของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 3.4% ซึ่งต้องมาหาแนวทางในการลด NPL ส่วนนี้ลง
นายสมหมาย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการออกมาตรการให้ความช่วยเหลือทั้งในภาคเกษตร และผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาในส่วนนี้ลงได้บ้าง นอกจากนี้รัฐบาลยังมีมาตรการดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มเติม เช่น การให้เงินช่วยเหลือด้วยการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนหมู่บ้านอีก 4 หมื่นล้านบาท, การเดินหน้าโครงการนาโนไฟแนนซ์ ที่คาดว่าจะเริ่มปล่อยกู้ได้ 3 บริษัทภายในเดือน เม.ย.นี้ และการเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และคาดว่าจะเปิดรับสมาชิกได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ รวมทั้งการออก พ.ร.บ.การทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ.2558
"หนี้ครัวเรือนมีส่วนประกอบหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหนี้นอกระบบ จากที่มีข้อมูลพบว่าหนี้นอกระบบมีวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด แต่ส่วนตัวเห็นว่าหากมีการเก็บข้อมูลในส่วนนี้ครบทั้งหมด มีความเป็นไปได้ที่มูลค่าของหนี้นอกระบบจะสูงถึง 2 แสนล้านบาท หรือประมาณ 2% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด" นายสมหมาย กล่าว
พร้อมระบุว่า ดังนั้นแนวทางในแก้ปัญหาเรื่องนี้คือ รัฐบาลต้องมองในระยะยาว ซึ่งทางแก้ที่ดีที่สุดคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้เงินผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อเสริมอาชีพ และเสริมรายได้