ศูนย์ EC- MC นี้ จะรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางรายงานข่าวด้านสถานการณ์พลังงานในช่วงวันหยุดสงกรานต์นี้ เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ใช้วันหยุดตามประเพณีไทยนี้อย่างไม่ต้องมีความกังวลต่อวิกฤตพลังงาน ซึ่งกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่ามีกลไกที่พร้อมรองรับสถานการณ์ได้หากเกิดวิกฤตด้านพลังงานนี้ขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังได้ออกคู่มือประชาชน “การรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานของประเทศไทย" ซึ่งเบื้องต้นจะมีแนวทางปฏิบัติตัว หากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านพลังงาน อาทิ ช่วงเกิดเหตุ ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก ให้เริ่มจากแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นหากเป็นเหตุไฟฟ้าดับในต่างจังหวัดให้โทรศัพท์ไปยัง Call center ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ที่หมายเลข 1129 หรือหากเป็นในเขตกทม.และปริมณฑล ให้โทรไปยัง Call center ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่หมายเลข 1130 และหมายเลขฉุกเฉินกรณีไฟฟ้าดับเพิ่มเติมได้แก่ Call center การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่หมายเลข 1416 และหากเป็นกรณีเชื้อเพลิงขาดแคลนทาง ปตท.ได้เปิด Call center ไว้ที่ หมายเลข 1365
ด้านการเตรียมความพร้อม ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศกระทรวงพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวสารจากศูนย์ EC- MC นี้ ซึ่งจะมีการเผยแพร่หลายช่องทางได้แก่ ทางเว็บไซด์กระทรวงพลังงานและหน่วงานที่เกี่ยวข้อง เฟสบุ๊คจากกระทรวงพลังงาน หรือติดตามความคืบหน้าการรายงานสถานการณ์พลังงานจากสื่อมวลชนทุกแขนง ที่ศูนย์ฯ พร้อมจะกระจายข่าวทันทีหากเกิดเหตุวิกฤตด้านพลังงาน รวมถึงขั้นตอนการเฝ้าระวัง กรณีหากเกิดเหตุไฟฟ้าดับ เบื้องต้นกระทรวงพลังงานขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์การให้แสงสว่าง ควรรักษาแบตตารี่ในโทรศัพท์มือถือของท่านเสมอเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น สำหรับคู่มือประชาชนฯ นี้สามารถดาว์นโหลดได้ที่ www.energy.go.th
นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ กระทรวงพลังงานได้กำชับให้ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ในการสำรองและลำเลียงน้ำมันเตาให้เพียงพอ ซึ่งคาดว่าในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่จะถึงนี้ อาจจะพบว่ามีรถขนส่งน้ำมันวิ่งต่อเนื่องในภาคตะวันตกบริเวณจังหวัดราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และรอบๆ กทม. เพื่อลำเลียงเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันเข้าสู่โรงไฟฟ้าในจังหวัดราชบุรีที่จะหนาแน่น และมีความถี่เป็นพิเศษมากกว่าในช่วงปกติ