สำหรับในไตรมาส 4/57 ตัวที่เร่งดำเนินการได้ชัดเจน คือการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะรายจ่ายประจำภาครัฐสูงขึ้นมา 3.4% ซึ่งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สูงถึง 55% ส่วอีกเรื่องที่มีผล คือการลงทุนภาคเอกชน ที่มีการอนุมัติโครงการต่างๆ ทำให้เพิ่มขึ้นมา 4.1% ส่วนการส่งออกยังพอไปได้ที่ 2.8% แต่การส่งออกด้านบริการ รวมถึงการท่องเที่ยว มีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นมา
ส่วนในไตรมาส 1/58 ซึ่งเป็นตัวเลขจริงที่เกิดในช่วงม.ค.-ก.พ. และจากการประเมินของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ในช่วงเดือน มี.ค.การลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น 5% ส่วนการใช้จ่ายจากภาครัฐเพิ่ม 2.5% แต่ตัวช่วยหลักๆ คือการลงทุนภาคเอกชนที่มีการขออนุมัติตั้งโรงงานกับกระทรวงอุตสาหกรรม แม้ว่าการส่งออกในช่วง 1/58 จะชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเมินว่า 3 เดือนแรกน่าจะติดลบที่ 4% เป็นผลมาจากการการหดตัวของเศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่น และยุโรป แต่เชื่อว่าเมื่อจีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 2 ครั้งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย และช่วงไตรมาส 2 น่าจะไปได้ดีขึ้น
ด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือนไตรมาสแรกเพิ่มจากไตรมาส 4/57 ราว 2.4% การลงทุนภาครัฐก็จะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการเซ็นสัญญาผูกพันของทุกๆ กระทรวง การลงทุนภาคเอกชนจะถือเป็นพระเอก เพราะเชื่อว่าจะเพิ่มสูงขึ้น และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะช่วงเดือน เม.ย. มีการยื่นคำขอขยายโรงงานเพิ่มเติมเข้ามาอีกมาก
"การส่งออกสินค้าชะลอตัวจริงๆ การส่งออที่กฉุดในช่วง 3 เดือนเชื่อว่าในอนาคต 3 เดือนถัดไปน่าจะดีขึ้น เศรษฐกิจน่าจะกลับมาโตเหมือนเดิม เศรษฐกิจในไตรมาสถัดไปน่าจะเดินต่อได้ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนค่อยๆดีขึ้น การลงทุนภาครัฐค่อยๆ ออกมาเพิ่มขึ้นมีการลงนามในสัญญาผูกพันมากกว่าที่ผ่านมา"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวต่อว่า ภาพรวมเศรษฐกิจควรจะคึกคักกว่านี้ แต่ที่ยังคึกคักไม่เต็มที่ เป็นผลจากการจัดระเบียบสังคมและการเคร่งครัดกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายจึงส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่มองว่าหลังจากนี้เมื่อมีการเดินหน้าปฎิรูปและจัดระเบียบให้ถูกต้อง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจกจะกลับมาเติบโตได้มากกว่านี้ จึงขอให้อดใจรอ
ส่วนจุดอ่อนทางเศรษฐกิจเกิดจากพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะข้าวและยางที่ราคาตกต่ำมากกว่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลได้มีมาตรการให้เงินช่วยเหลือไปแล้ว หลังจากนี้รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการช่วยเหลือ 1 ตำบลๆละ 1 ล้านบาท ซึ่งจากการประเมินจะมีทั้งหมด 3,051 ตำบล กระจายใน 52 จังหวัด งบประมาณ 3,051 ล้านบาท จำนวนโครงการ 6,598 โครงการ คาดว่าจะเริ่มทยอยจ่ายเงินได้ในเดือนเม.ย. และจะจ่ายครบในพ.ค.นี้
"ภาพรวมด้านเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือน รัฐบาลได้มีการขับเคลื่อนอย่างจริงใจ ทั้งการเร่งรัดงบประมาณรายจ่าย การเร่งการท่องเที่ยว การอนุมัติการจัดตั้งโรงงาน เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการเดินหน้าต่อในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะด้านท่องเที่ยว ช่วยประเทศเดินหน้าได้มากกว่านี้ อนาคตการส่งออกจะฉุดใน ช่วง 3 เดือนแรก แต่มองว่า 3 เดือนถัดไปจะไม่ฉุด และจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจกกลับมาปกติ และดีได้มากยิ่งขึ้น" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว