กระทรวงการคลังเสนอว่าเพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงเห็นควรกำหนดมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนสำหรับกิจการที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกำหนดไว้ โดยกำหนดให้มีการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิเป็นเวลา 10 รอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งมาตรการนี้จะเป็นการช่วยกระจายความเจริญและเพิ่มรายได้ให้แก่ท้องถิ่น และลดปัญหาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเคลื่อนย้ายเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลาง
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมให้มีการลงทุนในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยกระจายความเจริญและเพิ่มรายได้ให้แก่ท้องถิ่น และลดปัญหาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเคลื่อนย้ายเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลาง, ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเป็นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและประชาคมอื่นๆ โดยไม่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ เนื่องจากเป็นการให้สิทธิประโยชน์สำหรับกิจการที่ตั้งใหม่หรือส่วนขยายของกิจการ
ทั้งนี้ กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1.ได้จดแจ้งการขอใช้สิทธิการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษก่อนหรือในปี พ.ศ.2560 2.ต้องไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน 3.ต้องไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งนี้ตาม พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ 4.ต้องจัดทำบัญชีแยกรายการสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษออกจากกัน