สำหรับกิจการที่ได้รับการอนุมัติในช่วงไตรมาสแรก กระจายอยู่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มกิจการบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 176 โครงการ เงินลงทุน 60,570 ล้านบาท อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 98 โครงการ เงินลงทุน 56,130 ล้านบาท เคมีภัณฑ์พลาสติก และกระดาษ จำนวน 179 โครงการ เงินลงทุน 35,850 ล้านบาท กิจการ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง 145 โครงการ เงินลงทุน 29,880 ล้านบาท เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร 139 โครงการ เงินลงทุน 19,790 ล้านบาท อุตสาหกรรมเบา 43 โครงการ เงินลงทุน 10,120 ล้านบาท และกิจการกลุ่มแร่ เซรามิก และโลหะขั้นมุลฐาน 13 โครงการ เงินลงทุน 5,210 ล้านบาท
"บีโอไอ ได้เร่งอนุมัติส่งเสริมแก่โครงการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการพิจารณาของบอร์ดบีโอไอ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว บีโอไอยังมีคณะทำงานพิจารณาโครงการและคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการที่สามารถประชุมเพื่ออนุมัติโครงการได้เป็นประจำทุกสัปดาห์ จึงมั่นใจว่ากิจการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้ว จะสามารถเริ่มดำเนินโครงการและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตได้อย่างแท้จริง" นางหิรัญญา กล่าว
นางหิรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 3 เดือน มีจำนวนทั้งสิ้น 176 โครงการ เงินลงทุนรวม 28,830 ล้านบาท กิจการส่วนใหญ่จำนวน 94 โครงการ(มูลค่า 15,140 ล้านบาท) หรือร้อยละ 53 ของโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด เป็นกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ใหม่ของบีโอไอ และสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล อาทิ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ กิจการผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วน กิจการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ กิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า กิจการซอฟต์แวร์ ทั้งในส่วนเอ็นเตอร์ไพรซ์ซอฟต์แวร์ (Enterprise Software) และดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กิจการศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ เป็นต้น