นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยประชาชนคือศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน ดังนั้น วิสัยทัศน์ของอาเซียนจะต้องมุ่งสร้างประชาคมที่ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และมีความสุข เราต้องยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกระทบจากภัยคุกคามต่างๆ และคุ้มครองกลุ่มที่เปราะบาง ด้อยโอกาสได้เข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้ต้องส่งเสริมเกษตรกร ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจสำหรับหลายประเทศ แต่กลับไม่มีรายได้ที่เพียงพอในการดำรงชีพและได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกัน ต้องวางรากฐานให้ประชาคมตั้งอยู่บนหลักของกฎกติกา มีธรรมาภิบาล และสามารถเป็นหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในอาเซียน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยมีส่วนร่วมของทุกประเทศ
ในการสร้างประชาคมอาเซียน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เพื่อให้ไปสู่วิสัยทัศน์ที่มีร่วมกัน ต้องเร่งดำเนินการให้ประชาคมอาเซียนรวมตัวอย่างลึกซึ้งและเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
"จำเป็นต้องส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งความเชื่อมโยงในภูมิภาค และความเชื่อมโยงกับภายนอกภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการพัฒนา สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค ซึ่งจะช่วยลดความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และช่องว่างด้านการพัฒนา"
นายกฯ ระบุว่า ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเชื่อมโยง การพัฒนาเครือข่ายการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนผ่านโครงการที่เป็นรูปธรรม อาทิ การขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ ซึ่งประกอบด้วยเส้นทางทั้งถนนและรถไฟ ความร่วมมือกับ สปป.ลาวเพื่อก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 และ 6 การสร้างเส้นทางรถไฟจากอรัญประเทศไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา และการให้ความช่วยเหลือก่อสร้างสะพานรถไฟเพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟในกัมพูชาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสิงคโปร์-คุนหมิง
ไทยกำลังผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ โดยเน้นการพัฒนาพื้นที่ตามแนวชายแดนและระเบียงเศรษฐกิจของอนุภูมิภาค เพื่อเชื่อมโยงฐานการผลิตกับประเทศเพื่อนบ้าน สร้างงานและดึงดูดการลงทุนภายในภูมิภาค
นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันตามแนวคิด "หนึ่งบวกหนึ่ง" บนพื้นฐานที่ว่าประเทศอาเซียนแต่ละประเทศมีจุดขายที่จะช่วยเสริมกันและกันได้ โดยมุ่งดึงดูดการลงทุนเข้าอาเซียน ขยายฐานการผลิตในภูมิภาค และช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจในอาเซียน หากอาเซียนมุ่งมั่นจริงจังเกี่ยวกับการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ต้องเร่งรัดขจัดมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีที่ยังคงกีดกันการค้าระหว่างเรา รวมทั้งส่งเสริมการรวมตัวกันเพื่อความมั่งคั่งของอาเซียนโดยรวม
นอกจากนั้น ควรส่งเสริมการจัดตั้งระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs (วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ขณะเดียวกัน การรวมตัวและความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นย่อมมีผลข้างเคียงเชิงลบตามมาด้วย เราจึงต้องเตรียมรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยประสานงานกันอย่างใกล้ชิด แผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคและอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้ามนุษย์ก็เป็นอีกตัวอย่างของความร่วมมือ ซึ่งไทยหวังว่าผู้นำอาเซียนจะสามารถรับรองได้ในปลายปีนี้เพื่อให้บังคับใช้ได้ต่อไป
อาเซียนควรจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือในเรื่องการบริหารจัดการชายแดนอย่างเป็นระบบ โดยมีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองและเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า น่าจะมอบหมายให้ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติพิจารณาศึกษาเรื่องนี้เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประชากรส่วนใหญ่ในอาเซียนประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ความเป็นอยู่ของเขามักจะผกผันไปตามราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก อาเซียนจึงควรพิจารณาว่าจะร่วมมือกันอย่างไร เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร ไม่ให้เกษตรกรผู้ผลิตออกไปจากวงจรการเกษตรในอนาคต เนื่องจากรายได้น้อย ขาดทุน เหน็ดเหนื่อย คุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้น และไม่มีอนาคต ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อภาคการผลิต อาเซียนควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่อาเซียนจะร่วมมือกันเพื่อเป็นคลังอาหาร (food bank) ของโลก
แนวทางหนึ่งที่ประเทศในภูมิภาคอาจพิจารณา คือ การสร้างพันธมิตรรายสินค้า ซึ่งไทยพร้อมจะหารือกับประเทศส่งออกที่สำคัญในอาเซียนเพื่อสร้างพันธมิตรแทนที่จะเป็นคู่แข่งกัน อาเซียนควรเสริมสร้างแนวปฏิบัติที่ดีด้านการเกษตรเพื่อเข้าสู่ตลาดโลกได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยกระดับและทำให้มาตรฐานต่าง ๆ สอดคล้องกัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตร อาจสร้างความร่วมมือด้านเกษตรสมัยใหม่ และควรสร้างตราสินค้าอาเซียน โดยเฉพาะในภาคเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
ในอนาคต อาเซียนคงต้องส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันมาทำการเกษตรมากขึ้น โดยสนับสนุนเขาในการพัฒนาขีดความสามารถ โดยเฉพาะในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพิ่มรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาคการเกษตรจะได้เป็นเสาสำคัญของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเร่งฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม เพื่อช่วยสร้างน้ำต้นทุน นอกจากจะช่วยส่งเสริมภาคการเกษตรแล้ว ยังช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงน้ำที่สะอาดได้เพิ่มขึ้น อาเซียนจึงควรตั้งเป้าหมายให้ทุกหมู่บ้านและชุมชนในอาเซียนสามารถเข้าถึงน้ำที่สะอาดได้ภายในปี 2568
ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีได้ก็ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดีและยั่งยืน แต่ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นอุปสรรคสำคัญในด้านนี้ ทั้งนี้ อาเซียนควรมีเป้าหมายระยะยาวที่จะให้ภูมิภาคปลอดจากหมอกควัน (haze-free ASEAN) โดยร่วมมือกันปฏิบัติตามข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องปัญหาหมอกควัน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลในระดับภูมิภาค และเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภูมิภาค เป็นต้น และควรมีหน่วยงานร่วมในการบริหารจัดการร่วมกันในทุกประเทศ
หากประชาคมอาเซียนจะมีบทบาทอันเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกในอีกสิบปีข้างหน้า ก็ควรสามารถดำเนินการร่วมกันในการรักษาความสงบและส่งเสริมสันติภาพ ประเทศไทยจึงขอเสนอแนวความคิด ดังนี้ ควรพยายามหาวิธีส่งเสริมการประสานงานระหว่างกันในเรื่องการรักษาสันติภาพในกรอบสหประชาชาติ เพื่อที่อาเซียนจะได้มีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น, ควรกระชับความร่วมมือระหว่างพลเรือนและทหารในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) เพื่อให้อาเซียนสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที และควรจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน หรือ ACMM ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดอย่างเป็นทางการได้ในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ ประชาคมอาเซียนต้องเตรียมรับมือกับประเด็นท้าทายใหม่ ๆ ในอีกสิบปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ จึงควรส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและการพัฒนา การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม