ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดราคารับซื้อปาล์มที่กิโลกรัม (กก.) ละ 5 บาทว่า ขณะนี้ คงยังพูดไม่ได้ว่ารัฐบาลจะยอมตามข้อเรียกร้องหรือไม่ แต่หากยอมตามนั้น จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดเพื่อการบริโภค ปรับขึ้นมาอยู่ที่ขวดลิตรละ 48 บาท จากราคาควบคุมไม่เกินขวดละ 42 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้บริโภค โดยเกษตรกรสามารถขายผลปาล์มได้ในราคาเหมาะสม แต่ไม่เดือดร้อนผู้บริโภค เพราะในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มขวดจะกระทบต่อค่าครองชีพมากเกินไป
สำหรับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มบางส่วนระบุว่าสาเหตุที่ราคาปาล์มสดตกต่ำขณะนี้ เป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 50,000 ตัน เมื่อช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.58 นั้น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะช่วงที่ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) นำเข้า เพราะสต๊อกน้ำมันปาล์มขณะนั้นลดต่ำเหลือแค่ 113,000 ตันเท่านั้น ถือว่าวิกฤติ เพราะระดับน้ำมันปาล์มปกติจะต้องอยู่ที่ 200,000 ตันขึ้นไป
ขณะที่ขั้นตอนการนำเข้ามีความโปร่งใส โดยอคส.นำเข้าโดยวาง L/C ผ่านธนาคารกรุงเทพ และให้สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเป็นผู้คัดสรรสมาชิกมาซื้อน้ำมันปาล์มจาก อคส. ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า หากซื้อน้ำมันดิบไปเท่าไรจะต้องซื้อผลผลิตในประเทศสัดส่วนเดียวกันในราคาตลาด และน้ำมันดิบที่นำเข้าได้นำมาทำน้ำมันปาล์มขวด ขายหมดไปแล้ว ดังนั้นราคาที่ปรับลดลงจึงเป็นเรื่องของฤดูกาล ที่ขณะนี้ผลผลิตออกมามาก หากหมดฤดูกาลแล้ว ราคาจะปรับขึ้นแน่นอน
"การนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 50,000 ตันโปร่งใส ไม่ได้ทุจริตอย่างที่ถูกกล่าวหา และตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ก็เร่งขจัดการคอร์รัปชั่น เพราะเกลียดและรับไม่ได้กับการทุจริต ยืนยันว่าที่นี่ไม่มีการทอนตังค์แน่นอน หากมีเบาะแสการทุจริตก็แจ้งเข้ามา พร้อมที่จะจัดการให"น.ส.ชุติมา กล่าว
ด้านนายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่กรมฯประกาศใช้ราคาแนะนำรับซื้อผลปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ในราคากก.ละ 4 บาท แต่มีการผ่อนผันให้สามารถซื้อขายผลปาล์มในเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำสุด 15% ได้นั้น ทำให้ขณะนี้ราคารับซื้อผลปาล์มสดในแหล่งผลิตสำคัญปรับเพิ่มขึ้นแล้ว โดยราคาเฉลี่ยผลปาล์มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ณ วันที่ 30 เม.ย. อยู่ที่กก.ละ 3.8-4 บาท ณ วันที่ 7 พ.ค.58 จ.กระบี่อยู่ที่กก.ละ 4.10 บาท จ.สุราษฎ์ธานีและชุมพรอยู่ที่กก.ละ 4 บาท