ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขยายผลโครงการที่ปรึกษาเทคโนโลยีนวัตกรรม ช่วยผู้ประกอบการในการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคให้พร้อมใช้งานได้จริง เพื่อสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ SMEs ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีรวม 13,000 ราย ซึ่งภาครัฐจะสนับสนุนงบประมาณ 1 ใน 3 หรือราว 5 พันล้านบาท
สำหรับภาคเอกชนที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานการผลิต หรือธุรกิจฐานเทคโนโลนั้น เพื่อกระตุ้นภาคเอกชนลงทุนในธุรกิจฐานเทคโนโลยีแบบเงินร่วมลงทุน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผล และกำไรจากการขายหุ้นให้แก่ธุรกิจเงินร่วมลงทุน(Private Equity) ที่ลงทุนในธุรกิจฐานเทคโนโลยี และเพื่อสร้างบรรยากาศให้ธุรกิจเงินร่วมลงทุนเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย อีกทั้งเห็นชอบหลักการการจัดตั้งกองทุนที่จะร่วมลงทุนในธุรกิจเงินร่วมลงทุน ในลักษณะ FUND OF FUNDS โดยกองทุนนี้จะไม่ลงทุนโดยตรงในธุรกิจฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม(วทน.) แต่จะลงทุนผ่านกองทุนเงินร่วมลงทุน/ทรัสต์ภาคเอกชน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณปีละ 500 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยปี 2558 ตั้งเป้าหมายให้ภาคเอกชนเสนอต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้าที่จะผลิตขึ้นในประเทศปีนี้ ก่อนที่จะมีการคัดเลือกเอกชนผลิตรถต้นแบบ โดยคาดว่าผู้ที่ชนะการคัดเลือกจะต้องผลิตรถยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 500 คัน ใน 2-3 ปีข้างหน้า
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการจัดมหกรรมนวัตกรรมไทยในส่วนภูมิภาค จำนวน 3 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา เพื่อส่งเสริมให้เกิดธุรกิจเทคโนโลยีแบบใหม่