สำหรับสาเหตุของการปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการผลิตน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะล้นตลาด ขณะที่ประเมินราคาเฉลึ่ยทั้งปีที่ระดับ 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ประกอบกับโรงกลั่นน้ำมันของไทยซึ่งมีอยู่ 6 แห่งนั้น สามารถนำน้ำมันดิบมากลั่นได้ทันท่วงทีหากเกิดปัญหา จึงเห็นว่าไทยไม่จำเป็นต้องสำรองน้ำมันสำเร็จรูปมากเหมือนก่อน
อนึ่ง เมื่อปี 56 รัฐบาลได้ปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายของภาคเอกชนจาก 5% เป็น 6% ของปริมาณการใช้ โดยการปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันตามกฎหมายของภาคเอกชนเป็น 6% จะทำให้ประเทศไทยมีน้ำมันสำรองใช้ได้เพิ่มขึ้นจาก 36 วัน เป็นประมาณ 43 วันของความต้องการใช้ในประเทศ
นายพรายพล กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานยังจะเตรียมเรื่องสำคัญเข้าสู่ที่ประชุมกพช.ในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ การเสนอร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP 2015) ,การพิจารณาหลักการและแนวทางการดำเนินงานต่อสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุในปี 64-65 เพื่อให้การผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยยังมีความมั่นคงต่อไป ซึ่งจะต้องมีความชันเจนภายในปี 60