โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.แก้ไขเพิ่มเติมให้คณะกรรมการ ธปท., คณะกรรมการนโยบายการเงิน, คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง หากมีกรรมการพ้นจากตำแหน่งนอกเหนือจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ดังนี้
1.1 กำหนดให้ในกรณีที่คณะกรรมการ ธปท. ไม่ครบองค์ประกอบนอกเหนือจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการในคณะกรรมการ ธปท. เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เว้นแต่มีจำนวนเหลืออยู่ไม่ถึงเจ็ดคน
1.2 กำหนดให้ในกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงินไม่ครบองค์ประกอบ ให้กรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงินเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เว้นแต่มีจำนวนเหลืออยู่ไม่ถึงสี่คน
1.3 กำหนดให้ในกรณีที่คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ไม่ครบองค์ประกอบ ให้กรรมการในคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงินเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เว้นแต่มีจำนวนเหลืออยู่ไม่ถึงหกคน
1.4 กำหนดให้ในกรณีที่คณะกรรมการระบบการชำระเงินไม่ครบองค์ประกอบ ให้กรรมการในคณะกรรมการระบบการชำระเงินเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เว้นแต่มีจำนวนเหลืออยู่ไม่ถึงสี่คน
2. แก้ไขเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. โดยเพิ่มเติมที่มาของบุคคลผู้จะมาเป็นกรรมการคัดเลือก ให้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจากบุคคลซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ และเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ให้แต่งตั้งไม่เกินตำแหน่งละหนึ่งคน