ในวันนี้ ธปท. จึงได้เชิญผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวมาเพื่อชี้แจงนโยบายและแนวทางการกำกับดูแล ซึ่งการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะซักซ้อมความเข้าใจในหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องถือปฏิบัติ ตลอดจนช่องทางในการติดต่อประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีเนื้อหาสำคัญ ดังนี้
1. การเปิดดำเนินการ : ผู้ประกอบธุรกิจต้องเปิดดำเนินธุรกิจภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุญาต และแจ้งการเริ่มประกอบธุรกิจให้ ธปท.ทราบก่อนวันเปิดดำเนินการ และต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินรวมทั้งสิ้นต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่เกิน 7 เท่าตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ
2. การให้สินเชื่อแก่ผู้ที่สนใจ : ผู้ประกอบธุรกิจสามารถให้สินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาที่ไม่มีหลักประกันเพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ โดยกระบวนการพิจารณาให้สินเชื่อจะมีความยืดหยุ่นสอดคล้องกับลักษณะของกลุ่มลูกค้าตามนโยบายของผู้ประกอบธุรกิจแต่ละราย
3. การจัดหาเงินทุน : ห้ามผู้ประกอบธุรกิจรับเงินฝากหรือจัดหาเงินทุนจากประชาชน เว้นแต่การออกตั๋วเงินและเสนอขายต่อผู้ลงทุนในวงจำกัด (Private Placement) และออกหุ้นกู้ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
4. การจัดทำรายงานส่งทางการ : ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดทำรายงานยอดสินเชื่อคงค้างเป็นรายเดือน นับแต่เดือนที่เปิดดำเนินการ ส่งให้ ธปท. และกระทรวงการคลังทราบภายในวันที่ 21 ของเดือนถัดไป
5. ประเด็นอื่น ๆ : ผู้ประกอบธุรกิจต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้บริโภค การรับเรื่องร้องเรียน การติดตามทวงถามหนี้ที่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ที่ต้องเข้าใจง่ายชัดเจน ครบถ้วน
นอกจากนี้ ธปท.ยังได้ชี้แจงผู้ประกอบธุรกิจว่า เมื่อดำเนินธุรกิจไประยะหนึ่งแล้ว ธปท.อาจพิจารณาถึงความเหมาะสมในการขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าเป็นสมาชิกบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด(NCB) ต่อไป