นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงการลงพื้นที่พบประชาชนในต่างจังหวัด ว่า หากพร้อมก็จะลงพื้นที่ทันที แต่ทุกวันนี้ได้ทำงานตลอด และอยู่จุดไหนก็ทำงานได้ ซึ่งการลงพื้นที่จะไปพบปะประชาชน พร้อมเยี่ยมเยือนและให้กำลัง
ส่วนที่ถูกมองว่าเดินทางไปต่างประเทศมากกว่าลงพื้นที่ในประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การทำงานในประเทศมีการประชุมมากกว่าทุกรัฐบาล ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศก็ไปตามคำเชิญ ซึ่งไม่ใช่ไปเดินแฟชั่น และเวทีการประชุมต่างประเทศก็พยายามที่จะชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง และอยากให้ไปถามเรื่องนี้กับรัฐบาลอื่นแทน
ด้าน พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติอัตราค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์ที่ดินของราษฎร จากเดิมไร่ละ 50 บาทต่อปี เหลือไร่ละ 25 บาทต่อปี และต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ คทช. เนื่องจากราษฎรส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย ส่วนค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนมอบให้กรมป่าไม้ไปดำเนินการจัดหาเมล็ดของต้นไม้ที่มีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ราษฎรที่ใช้ประโยชน์ จัดทำแปลงเพาะชำ และดูแลกันเอง โดยให้กรมป่าไม้เป็นผู้แนะนำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของราษฎรและภาครัฐ
นอกจาก ที่ประชุมฯ มีมติให้เก็บค่าธรรมเนียมปลูกป่าเศรษฐกิจชุมชน โดยจัดเก็บไร่ละ 10 บาท เพื่อเป็นรายได้จะเข้าสู่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ในเรื่องป่าเศรษฐกิจชุมชนจะต้องเก็บค่าตอบแทนไร่ละ 100 ต่อปี ซึ่งจะมีมาตรการการจัดเก็บเป็นระยะ เพื่อให้มองว่าราษฎรปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้
ส่วนการรายงานผลการดำเนินงานในพื้นที่เป้าหมายตามที่ คทช.มอบหมายนั้นได้ดำเนินการแล้วไปเสร็จในพื้นที่อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และเตรียมจะดำเนินการตามพื้นที่เป้าหมายในระยะต่อไปในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม โดยมีพื้นที่ในป่าสงวนแห่งชาติลุ่มแม่น้ำฝาง, ป่าสงวนแห่งชาติท่าทาง และป่าสงวนแห่งชาติแม่ตาล พื้นที่รวมกว่า 9,164 ไร่
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การทำงานที่ผ่านมา มีราษฎรบางพื้นที่มีความต้องการในเอกสารสิทธิ์รายบุคคล ซึ่งรัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจชี้แจงต่อไป โดยย้ำว่า จะดำเนินการในลักษณะดังกล่าวไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะราษฎรเกิดการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ขณะที่มีข้อเรียกร้องของกลุ่มพีมูฟให้ออกโฉนดชุมชนนั้น มีความสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลในโครงการของ คทช. โดยล่าสุดกลุ่มพรีมูฟได้เสนอมาแล้วกว่า 58 แปลง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไป แต่หากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำก็ต้องทำความเข้าใจว่า มีความจำเป็นต้องหาพื้นที่ใหม่ภายหลัง
โดยในที่ประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าถึงแหล่งเงินทุนในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่ดินในการประกอบการกู้เงินได้ และหามาตรการป้องกันการสวมสิทธิ์ในการนำไม้จากป่าภายนอกเข้ามาสวมสิทธิ์ในพื้นที่ป่าชุมชน พร้อมทั้งจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้กับพื้นที่ที่จะเข้าร่วมโครงการ