ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างราคาสลากใหม่ ตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 11/2558 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยกำหนดโครงสร้าง 60% ของรายได้จากการจำหน่ายสลากจะจัดสรรเป็นเงินรางวัลเหมือนเดิม แต่ปรับปรุงรายได้ส่งเข้าคลังเหลือ 20% จากเดิม 28% อีก 3% เป็นค่าบริหารจัดการของสำนักงาน อีก 3% ให้จัดตั้งกองทุนสำนักงานสลากฯเพื่อการพัฒนาสังคม อีก 2% ใช้เป็นส่วนลดให้กับมูลนิธิ องค์กร นิติบุคคล อีก 12% เป็นการจัดสรรเพิ่มเติมให้ผู้ค้ามีกำไรจากการขายสลากเพิ่มขึ้น
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ปรับโครงสร้างราคาใหม่ จะทำให้ผู้ค้ามีต้นทุนจำหน่ายสลากเหลือ 70.40 บาทต่อคู่ จากเดิม 74.40 บาทต่อคู่ หรือผู้ค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น 9.60 บาทต่อคู่ จากเดิม 5.60 บาทต่อคู่ ซึ่งจะทำให้ผู้ค้ามีรายได้เพียงพอ ไม่ต้องไปขึ้นราคาสลากอีก ส่วนมูลนิธิจะได้ส่วนลดอีก 2% หรือประมาณ 1.60 บาทต่อคู่ ทำให้มูลนิธิ องค์กร นิติบุคคล มีต้นทุนที่ 68.80 บาทต่อคู่ ซึ่งมั่นใจว่าภายในงวดวันที่ 16 มิ.ย.นี้จะสามารถขายสลากฯ ได้ในราคา 80 บาทแน่นอน
นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจของสำนักงานสลาก ซึ่งประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย จำนวน 10 ทีม ลงตรวจสอบผู้ค้าสุ่มทั่วประเทศ ในจุดต่างๆ หาเจอขายเกินราคา ก็จะใช้วิธีตรวจสอบย้อนรอย เพื่อสืบสาวไปถึงต้นต่อว่ารับสลากต่อมาจากที่ใด ใครเป็นผู้ขายส่งเกินราคา
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อเป็นการป้องกันการรวมชุดสลากเพื่อขายเกินราคา คณะกรรมการฯ ยังเห็นชอบให้ยกเลิกการจ่ายรางวัลแจ็คพอตในสลากกินแบ่งรัฐบาล และนำเงินส่วนดังกล่าวไปกระจายให้กับการจ่ายรางวัลที่ 1 แทน จากเดิมที่กำหนดราคารางวัลไว้ที่ ใบละ 2 ล้านบาทหรือคู่ละ 4 ล้านบาท เพิ่มเป็นใบละ 3 ล้านบาท หรือคู่ละ 6 ล้านบาท เหมือนกับสลากกินแบ่งฯการกุศลที่จ่ายรางวัลใบละ 3 ล้านบาท หรือคู่ละ 6 ล้านบาท ไม่มีรางวัลแจ็คพอต ทำให้การรวมชุดด้อยค่าลง
"ในส่วนของกองทุนสำนักงานสลากฯเพื่อการพัฒนาสังคมที่ได้รับจัดสรร 3% ของยอดจำหน่าย ยืนยันว่าจะไม่นำไปใช้รับซื้อสลากเลขไม่สวยคืน เพราะยังไม่ใช่เวลา และไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดทุจริต ซึ่งขณะนี้ ได้สั่งให้คณะกรรมการสลากฯ ไปร่างระเบียบการใช้เงินกองทุน โดยยึดจากคำสั่ง คสช." พล.ต.อภิรัชต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้มีการหารือถึงแนวคิดที่จะจัดจำหน่ายสลากผ่านร้านสะดวกซื้อ และหวยออนไลน์ เพราะการขายผ่านร้านค้าปลีกนั้นยังไม่มีความจำเป็น ขอให้ใช้ระบบจำหน่ายเดิมไปก่อนระยะหนึ่ง ก่อนจะมาพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ส่วนการจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันของ บมจ.ปตท.(PTT) เป็นเพียงการจัดพื้นที่ให้ผู้พิการและรายย่อยไปจำหน่าย