หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยและฟิจิมีความสัมพันธ์อันดีมากว่า 43 ปี นับตั้งแต่มีการสถาปนาทางการทูต ซึ่งฟิจิเป็นหมู่เกาะที่มีความสำคัญต้นๆ กับไทย ในด้านเศรษฐกิจการค้า เพราะฟิจิเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ประมง ป่าไม้ แร่ธาตุ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมไทย นอกจากนี้ฟิจิยังเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทย และมีศักยภาพในการเติบโตทางภาคอุตสาหกรรม ซึ่งไทยได้เปรียบทางดุลการค้า ถึง 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทั้ง 2 ประเทศยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าทางสินค้าระหว่างกันได้อีก ทั้งนี้ในภาคการท่องเที่ยว ทั้ง 2 ประเทศจะมีการเพิ่มเที่ยวบินเพื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศฟิจิที่เป็นหมู่เกาะสวยงาม และมายังประเทศไทย
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง การค้า และการลงทุน โดยเฉพาะการส่งเสริมพัฒนาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาล น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ประมง และพลังงานทดแทน
ขณะเดียวกัน ไทยหวังว่า ฟิจิจะสนับสนุนให้ไทยได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเภทไม่ถาวร ในวาระปี 2560-2561 และยังขอแลกเสียงระหว่างกันในการสมัครตำแหน่งผู้พิพากษาศาลกฎหมายระหว่างประเทศของไทย สมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และประธานสมัชชาสหประชาชาติของฟิจิด้วย
ขณะที่นายกรัฐมนตรีฟิจิ กล่าวว่า ยินดีที่จะร่วมมือกับไทยตามข้อตกลงที่ได้หารือกันไว้ สำหรับการเยือนไทยครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์เข้าร่วมการประชุมประจำปี คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific (UNESCAP) สมัยที่ 71 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2558
ทั้งนี้ ไทยและฟิจิมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2515 โดยฟิจิเป็นประเทศที่ไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในระดับต้นๆ ของกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศดำเนินไปด้วยดี มีการแลกเปลี่ยนการเยือนและการพบหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหลายโอกาส