ไทย-ปากีสถาน เห็นพ้องเร่งผลักดัน FTA ให้เร็วสุด คาดเริ่มเจรจา ก.ย.58

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 28, 2015 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายคูราม เดสกีร์ ข่าน รมว.พาณิชย์ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน โดยได้มีการหารือกันในเรื่อง FTA ระหว่างกัน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ดำเนินการเจรจากับปากีสถาน ซึ่งจะมีการประชุม 2 ฝ่ายในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อกำหนดกรอบการเจรจาในวันที่ 29 พ.ค.นี้ โดยในเดือน ก.ค.58 จะไปประชุม JTC ครั้งที่ 3 ที่กรุงอิสลามาบัด ปากีสถาน และในเดือน ก.ย.58 ไทยก็จะกลับมาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจรจา FTA ไทย-ปากีสถาน รอบแรกด้วย

ภายใต้กรอบความตกลง FTA จะพูดคุยกันเฉพาะในเรื่องการค้าการลงทุนเท่านั้น โดยเชื่อว่าการเจรจา FTA จะช่วยผลักดันปริมาณการค้าทั้ง 2 ฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,080 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 61 ได้เร็วขี้น เพราะเมื่อปี 57 การค้าระหว่างกันมีมูลค่าเพียง 1,016. ล้านเหรียญสหรัฐฯเท่านั้น

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ประเทศไทยจะเป็น Gate way สู่ภูมิภาคอาเซียน ส่วนปากีสถานจะเป็น Gate Way สู่เอเชียกลาง อัฟกานิสถาน และตะวันออกกลาง ความพร้อมของประเทศไทยในเรื่องความเชื่อมโยงทางการขนส่งนั้น ขณะนี้รัฐบาลได้ลงนามสร้างรถไฟเชื่อมเหนือสู่ใต้ จากจีน(ตอนใต้)-ลาว-ไทย-(จากหนองคาย-กรุงเทพ)-มาเลเซีย

ส่วนทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EWEC)มี 2 เส้นทางคือ ด้านบน จากพม่า-แม่สอด(จ.ตาก)-กำแพงเพชร-นครสวรรค์-มุกดาหาร-ลาว-เวียดนาม และเส้นทางด้านล่างจากท่าเรือน้ำลึกทวาย พม่า-ท่าเรือแหลมฉบัง โดยผ่านด่านบ้านพุน้ำร้อน กาญจนบุรี-ราชบุรี-นครปฐม-สมุทรสาคร-กรุงเทพ-สมุทรปราการ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ท่าเรือแหลมฉบัง(สามารถแยกจาก จ.ฉะเชิงเทรา ไปสระแก้ว-อรัญประเทศ-กัมพูชาได้) ซึ่งจากท่าเรือทวายก็สามารถเชื่อมถึงปากีสถานได้

"โครงการนี้จะเริ่มในปี 2558 และจะแล้วเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า จึงเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยจะเป็นประตูสู่ จีน เมียนมาร์ สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งนอกจากการค้าแล้ว รัฐบาลก็ยินดีต้อนรับนักลงทุนด้วย"พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

ด้าน รมว.พาณิชย์ ปากีสถาน เห็นว่า ขณะนี้ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมและลงตัวในการเจรจา FTA เพราะจะช่วยให้ภาคธุรกิจ 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ในการทำการค้ากันเร็วขึ้น ซึ่ง FTA จะสร้างสัมพันธ์กันทางการค้าในระยะยาว และเป็นรากฐานที่ยั่งยืนด้านอื่นๆด้วย ขณะนี้ปากีสถานได้ทำ FTA กับ จีน มาเลเซีย ศรีลังกา และไทยจะเป็นชาติที่ 4

ทั้งนี้ ปากีสถานเห็นว่าฝ่ายไทยมีความได้เปรียบในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพารา ส่วนปากีสถานมีความได้เปรียบเรื่องอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งนักธุรกิจ 2 ฝ่ายสามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ระหว่างกันได้ และยินดีที่จะจัด Business Conference ให้กับนักธุรกิจ 2 ฝ่าย ซึ่งทราบว่าสภาธุรกิจ ไทย-ปากีสถาน และสภาธุรกิจ ปากีสถาน-ไทยมีความเข้มแข็ง และมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนการค้าระหว่างกันสม่ำเสมอ

สำหรับสถิติการค้าไทยกับปากีสถานตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (53-57) มีมูลค่าเฉลี่ย 994.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าปากีสถานเฉลี่ยปีละ 777 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นประมาณร้อยละ 80 ของมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ โดยไทยนำเข้าสินค้าจากปากีสถานเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 40.86 ในขณะที่การส่งออกของไทยไปยังปากีสถานลดลง ร้อยละ 6.38 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มว่าในอนาคตการค้าทั้งสองฝ่ายของสองประเทศจะมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไทยยังให้สิทธิพิเศษทางภาษี GSTP แก่ประเทศกำลังพัฒนา 43 ประเทศรวมทั้งปากีสถานด้วย อีกทั้งยังเห็นว่าจะเป็นแหล่งนำเข้าวัตถุดิบทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ในการผลิตเพื่อการส่งออกที่สำคัญด้วย ซึ่งการนำเข้าสินค้าเหล่านี้จะส่งผลให้การนำเข้าจากปากีสถานเพิ่มสูงขึ้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ