พล.ต.
สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำ
สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานต่อที่ประชุม
คณะรัฐมนตรี(
ครม.) ถึงผลการดำเนินงานในการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในปี 56/57 ว่า จากมติ
ครม.เมื่อเดือน มิ.ย.57 ที่ให้ชดเชยราคาอ้อยแก่
เกษตรกรเพิ่มอีกตันละ 160 บาท และให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) ไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) มาจ่ายเป็นค่าชดเชยแก่
เกษตรกร โดยให้ ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำเป็นพิเศษ รวมทั้งการปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายเพิ่มอีก ก.ก.ละ 5 บาทนั้น ผลการดำเนินงานล่าสุด ณ วันที่ 28 เม.ย.58 พบว่า กอน.ได้จ่ายเงินชดเชยค่าอ้อยให้แก่
เกษตรกรไปแล้ว 16,565 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณอ้อย 103 ล้านตัน หรือคิดเป็น 99.87% โดยปริมาณอ้อยที่เหลืออีก 1.3 แสนตันนั้น ประกอบด้วย ชาวไร่อ้อยที่ยังอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนไมีเป็นที่เรียบร้อยอีก 489 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จและรับเงินชดเชยได้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่ชาวไร่อ้อยอีก 61 ราย หรือคิดเป็นปริมาณผลผลิตอ้อย 4 พันตัน ได้แสดงความประสงค์จะไม่ขอรับเงินชดเชย
ส่วนแนวทางการให้ความช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในปี 57/58 นั้น หลักการยังคงเป็นไปตามแนวทางเดิม คือ จ่ายชดเชยค่าอ้อยตันละ 160 บาท และนำหนี้เก่าที่เกิดจากการกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส.ในปี 56/57 มารวมกับหนี้ใหม่ในปี 57/58 แล้วบริหารจัดการใช้ในรอบเดียวกัน โดยเงินที่นำมาใช้คืนนี้จะเกิดจากการที่ขายน้ำตาลทรายในราคาเพิ่มขึ้น 5 บาท/กก.
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังมีมติเพิ่มเติม โดยเห็นว่าโครงสร้างการผลิตอ้อยและน้ำตาลและการจำหน่ายยังคงมีปัญหาอยู่ตลอด จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการวิจัยของ TDRI ไปพิจารณาปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลโดยเร่งด่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขอให้คณะกรรมการที่เกี่ยวขัองไปกำหนดต้นทุนของราคาอ้อยขั้นต้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง รวมทั้งการจะนำผลผลิตอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลนั้นขอให้เร่งดำเนินการเช่นกัน เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมอ้อยได้เต็มที่มากขึ้น และลดภาระของรัฐบาลในการจ่ายเงินชดเชยให้น้อยลง
อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--