"สัญญาณเงินเฟ้อและเครื่องชี้ภาวะการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนอาจจะยังมีภาพที่ค่อนข้างอ่อนแอต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า" เอกสารศูนย์วิจัยฯ ระบุ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่ภาวะเงินเฟ้อติดลบของไทยจะลากยาวเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3/2558 เพราะคาดว่า สถานการณ์ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว ยังน่าจะมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนค่อนข้างมาก นอกจากนี้ การฟื้นตัวที่ล่าช้าของกำลังซื้อในประเทศ ก็จะยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ยังคงทำได้ค่อนข้างจำกัดด้วยเช่นกัน
วันนี้กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อไทยในเดือนพ.ค. 2558 ติดลบเป็นเดือนที่ 5 ตามที่คาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคลดลงร้อยละ 1.27 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี (นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2552) หลังจากที่ติดลบร้อยละ 1.04 (YoY) ในเดือนเม.ย. 2558
สาเหตุที่เงินเฟ้อติดลบเป็นผลมาจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ และค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 17.4 (YoY) และร้อยละ 4.9 (YoY) ตามลำดับ โดยในส่วนของค่ากระแสไฟฟ้านั้น ปรับลดลงตามค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ที่ลดลง 9.35 สตางค์/หน่วย มาจัดเก็บที่ 49.61 สตางค์/หน่วยในรอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 2558
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าสนใจจากข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ค. 2558 ก็คือ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งชะลอลงมากกว่าที่คาดมาที่ ร้อยละ 0.94 (YoY) ขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (ไม่นับรวมสินค้าในกลุ่มอาหารสดและพลังงาน) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เพียงร้อยละ 0.05 (MoM) ซึ่งนับว่าเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสำหรับเดือนพ.ค. ที่ค่อนข้างน้อย หากเปรียบเทียบกับเดือนพ.ค. ในช่วงปีอื่นๆ ที่มักจะขยับขึ้นประมาณร้อยละ 0.1-0.2 (MoM)
การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานดังกล่าว เป็นนัยว่า ทิศทางการฟื้นตัวของเครื่องชี้การใช้จ่ายภายในประเทศยังไม่สม่ำเสมอ และยังคงค่อนข้างเปราะบางขาดแรงกระตุ้น แม้ว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวมจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
"แม้ไทยอาจจะยังไม่เผชิญกับภาวะเงินฝืด แต่ทิศทางการบริโภคของภาคครัวเรือน ก็ยังน่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างซบเซาต่อเนื่อง ตราบใดที่รายได้ของครัวเรือนทั้งในและนอกภาคการเกษตรยังไม่สามารถฟื้นกลับมาเป็นปกติ" เอกสารศูนย์วิจัยฯ ระบุ
สำหรับประเด็นเชิงนโยบายนั้น แม้อัตราเงินเฟ้อติดลบที่อาจลากยาวเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3/2558 จะเปิดพื้นที่มากขึ้นสำหรับจุดยืนเชิงผ่อนคลายของนโยบายการเงิน แต่คาดว่า การชั่งน้ำหนักตัวแปรในด้านต่างๆ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงเวลานับจากนี้ จะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะมีตัวแปรทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ต้องพิจารณาแล้ว ก็อาจต้องคำนึงถึงกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ (ในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds) ควบคู่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน