ขณะที่นายเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งไทยเบฟฯ หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 รายได้และกำไรสุทธิของ บมจ. ไทยเบฟฯ ในไตรมาสล่าสุดกลับเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก ส่งผลให้ราคาหุ้นของไทยเบฟฯ พุ่งขึ้น ซึ่งช่วยดึงมูลค่าสินทรัพย์รวมของนายเจริญเพิ่มขึ้น และดันให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยของ Forbes ในปีนี้ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.355 แสนล้านบาท
ขณะที่อันดับ 3 เป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ มีทรัพย์สินอยู่ที่ 4.127 แสนล้านบาท, อันดับ 4 นายเฉลิม อยู่วิทยา ค่ายกระทิงแดง มีทรัพย์สินจำนวน 3.221 แสนล้านบาท, อันดับ 5 นายกฤตย์ รัตนรักษ์ บิ๊กบอสช่อง 7 สี มีทรัพย์สินรวม 1.577 แสนล้านบาท, อันดับ 6 นายวานิช ไชยวรรณ แห่งไทยประกันชีวิต มีทรัพย์สินจำนวน 1.325 แสนล้านบาท,
อันดับ 7 นายสันติ ภิรมย์ภักดี ค่ายเบียร์สิงห์ มีมูลค่าทรัพย์สินจำนวน 9.73 หมื่นล้านบาท, อันดับ 8 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เครือกรุงเทพดุสิตเวชการ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ มีทรัพย์สิน 9.39 หมื่นล้านบาท, อันดับ 9 นายวิชัย ศรีวัฒนประภา คิงส์พาวเวอร์ มีทรัพย์สิน 839 หมื่นล้านบาท และอันดับที่ 10 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร มีทรัพย์สิน 5.7 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี ฟอร์บส์ ระบุอีกว่ามหาเศรษฐีอันดับรองๆ ลงมา ล้วนได้ประโยชน์จากราคาของหุ้นพลังงานทดแทนและก่อสร้างที่พุ่งขึ้นไปกับความฝันในอนาคตและ IPO อาทิ นายสมโภชน์ อาหุนัย อดีตนายหน้าค้าหลักทรัพย์ กลายเป็นเศรษฐีพันล้านเหรียญ (billionaire) ไปแล้วในปีนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นของ บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) พุ่งทะยานดึงตำแหน่งของนายสมโภชน์ในทำเนียบ Forbes ขึ้นมา 15 อันดับ มาอยู่ลำดับที่ 24 ในปีนี้
ด้านนางนิจพร จรณะจิตต์ และนายเปรมชัย กรรณสูตร แห่ง บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) กลับสู่ทำเนียบ Forbes อีกครั้งในปีนี้ หลังหลุดจากโผเมื่อปีที่แล้ว
ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีปีนี้ มีโอกาสต้อนรับน้องใหม่ถึง 6 คน ซึ่ง 3 ใน 6 คนรวยจากการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในรอบปีที่ผ่านมา เช่น นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ แห่ง บมจ.คาราบาว กรุ๊ป(CBG)และนายฉัตรชัย แก้วบุตตา แห่ง บมจ.ศรีสวัสดิ์ เพาเวอร์(SAWAD)
ทว่า วิกฤตการณ์การเมืองปีที่ผ่านมาส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินและอันดับของมหาเศรษฐีหลายคนในทำเนียบลดลงในปีนี้ เนื่องจากกำลังซื้อในภาคครัวเรือนที่ตกลง ในภาวะที่รัฐบาลลดการอุดหนุนภาคการเกษตร และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เช่น ตระกูลจิราธิวัฒน์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกของไทย ตกมาอยู่อันดับ 3 ในปีนี้
ส่วนยอดขายรถยนต์ที่หดตัว ก็ส่งผลให้อันดับของตระกูลผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หล่นอันดับลงมาด้วย และมีเศรษฐี 7 คนที่ต้องหลุดจากทำเนียบ 50 คน ในปีนี้ ที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้นนายนพพร ศุภพิพัฒน์ นักธุรกิจพลังงานลมที่หนีคดีอยู่ต่างแดน