อย่างไรก็ดี แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะยังชะลอตัว เนื่องจากนักลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เชื่อมั่นที่จะลงทุนมากนัก ขณะที่สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยน้อย เพราะกังวลต่อหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และค่าครองชีพของประชาชนมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนลดลง ดังนั้น บสก.จึงช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในโครงการ "สบายคอนโด 2558 คอนโดโดนใจ สบายกระเป๋าจาก BAM" โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้เช่าอาศัยในโครงการอยู่แล้ว ผู้ขายอิสระ กลุ่มอาชีพขับรถรับจ้าง ลูกจ้างทั่วไป ซึ่งมีรายได้ 10,000-20,000 บาท/เดือน มีรายได้คงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 บาท โดยจะต้องมีการประกอบอาชีพทีชัดเจน มีแหล่งรายได้ตรวจสอบได้ ตั้งเป้าหมายยอดขายไม่ต่ำกว่า 300 ยูนิต หรือ 50 ล้านบาท ในภายเดือนแรก
ทั้งนี้ ประชาชนผู้มีรายได้ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งประชาชนที่ติแครดิตบูโรสามารถยื่นความขอซื้อได้เช่นกัน โดยวางเงินดาวน์ในราคา 10% คิดอัตราดอกเบี้ย MLR 6.5% ผ่อนขั้นต่ำเฉลี่ยเดือนละ 1,000 บาท อย่างไรก็ตาม บสก.จะมีการตรวจสอบบุคคลที่จะเข้าซื้อเพื่อป้องกันการเก็งกำไร
"โครงการ "สบายคอนโด 2558 คอนโดโดนใจ สบายกระเป๋าจาก BAM" ระหว่างวันที่ 14 ก.ค. ถึง 14 ส.ค.58 ได้คัดสรรคอนโดฯ พร้อมอยู่กว่า 500 ยูนิต จาก 40 โครงการ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในราคาไม่เกิน 3 แสนบาท เช่น โครงการนิรันดร์เรซิเดนซ์ ถนนบางนา-ตราด, น้ำเพชรคอนโดทาวน์ รัตนาธิเบศน์, หทัยราษฎร์คอนโดมิเนียม และสายไหม
นายสมพร ยังกล่าวถึงการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ของ บสก.ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า ได้รับซื้อรับโอน NPL จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารจัดการ คิดเป็นเงินต้นคงค้างรวม 6,910 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน บสก.มี NPL อยู่ในความดูแลทั้งสิ้น 71,699 ราย คิดเป็นมูลค่า 407,599 ล้านบาท และมี NPA จำนวน 12,451 รายการ คิดเป็นมูลค่า 35,820 ล้านบาท
ขณะเดียวกันมองว่าสถาบันการเงินจะนำ NPL ออกมาขายอีกต่อเนื่อง จึงทำให้ บสก.ปรับเป้ายอดการรับซื้อ NPL จากเดิมในปีนี้ที่ 7,000 ล้านบาท มาเป็น 10,500 ล้านบาท ซึ่งการซื้อ NPL ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองใหญ่ เข่น ภูเก็ต สมุย และธุรกิจ SME โดยปี 57 ที่ผ่านมา บสก.รับซื้อ NPL จากสถาบันการเงินไป 13,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้เตรียมซื้อ NPA จากสถาบันการเงินรายใหญ่ 2 ราย มูลค่า 1,000 ล้านบาท
ส่วนแผนการนำ บสก.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)นั้น นายสมพร คาดว่าจะไม่ทันภายในปีนี้ แม้เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ด มีมติอนุมัติให้นำหุ้นของ บสก.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปลายปีนี้ก็ตาม โดยขั้นตอนต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)