พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในร่างสัญญาการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 ในวงเงิน 38,203 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทย 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ที่ไทยได้เคยกู้เงินจากญี่ปุ่นมาแล้ว 63,018 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทย 22,783 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2552 และการกู้เงินในระยะที่ 1 จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.นี้
"กระทรวงการคลังได้เสนอขอความเห็นชอบในร่างสัญญากู้เงินจากไจก้าที่เป็นของรัฐบาลญี่ปุ่น และขออนุมัติกู้เงินในนามของรัฐบาลไทย โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการและส่งต่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้กู้ยืมเงินต่อจากกระทรวงการคลัง ซึ่งครม.ก็มีมติเห็นชอบตามนั้น" รองโฆษกฯ ระบุ
สำหรับสัญญาการกู้เงินในโครงการระยะที่ 2 นี้ เป็นการกู้เงินในระยะเวลา 20 ปี ปลอดหนี้ 6 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 0.40% อย่างไรก็ดี จากโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงนี้ มีการกู้เงินรวมทั้งสิ้น 42,783 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินจากต่างประเทศ(ไจก้า) 32,783 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศอีก 10,000 ล้านบาท
"นายกฯ ปรารภว่าให้กระทรวงคมนาคมนำรายละเอียดของรถไฟสายสีแดงที่มีการกู้เงินหลายๆ ครั้ง มาทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน ว่าโครงการนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อไร จะเสร็จสิ้นเมื่อไร และมีแผนการกู้เงินอีกกี่ครั้ง พร้อมกับเน้นย้ำว่าต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในต่างจังหวัดด้วยว่าประชาชนในต่างจังหวัดจะมีส่วนตรงนี้มากเพียงใด ต้องชี้แจงว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องบริหารจัดการระบบขนส่งในพื้นที่ชุมชนเมือง ถ้าไมลงทุนทำ จะมีปัญหาจราจร ความคับคั่ง และเรื่องอื่นๆ ตามมา ซึ่งถือว่าวางรากฐานด้านคมนาคมเป็นการลงทุนที่มีความเหมาะสมต่อผลตอบแทนในระยะยาว" พล.ต.สรรเสริญ ระบุ