สำหรับการลงนาม MOU ครั้งนี้ได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ จำนวน 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานไทยและกระทรวงพลังงานเมียนมาร์ว่าด้วยเรื่องพลังงาน โดยขอบเขตความร่วมมือคือ ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมือกันด้านปิโตรเลียมต้นน้ำและปลายน้ำ เช่น การพัฒนาท่อส่งก๊าซฯในประเทศและข้ามชายแดน การสำรวจและผลิต การพัฒนาขีดความสามารถในการนำเข้า LNG การปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมัน และการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าปิโตรเคมีที่มีความเป็นไปได้ร่วมกัน
สำหรับฉบับที่ 2 บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานไทยและกระทรวงไฟฟ้าเมียนมาร์ ว่าด้วยเรื่องพลังงานไฟฟ้า โดยขอบเขตความร่วมมือคือ ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมือกันด้านพลังงานไฟฟ้า เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยระบบการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนพลังน้ำและอื่นๆ ระบบส่งและระบบจ่ายไฟฟ้า และขยายความร่วมมือด้านการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่และความตกลงทวิภาคีที่ทำก่อนหน้านี้ โดยมุ่งสนับสนุนความต้องการไฟฟ้าภายในเมียนมาร์เป็นลำดับแรก รวมถึงการส่งเสริมการค้าและการเชื่อมโยงไฟฟ้าระหว่าง 2 ประเทศ
“ประเทศไทยและเมียนมาร์ เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิด และมีความร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจและสังคมมากมาย ซึ่งในการร่วมมือด้านพลังงานและพลังงานไฟฟ้าในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือ และความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการลงทุนด้านพลังงานระหว่างกันแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยแสวงหาโอกาสลงทุนด้านพลังงานในเมียนมาร์เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้าให้กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศอีกทาง" นายสราวุธกล่าว