ร.ฟ.ท.เล็งเปลี่ยนเป็นระบบรถไฟฟ้าใน15 ปี,ก.ค.ประกาศTORประมูลรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday June 14, 2015 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนแผนการจัดหาหัวรถจักรใหม่ให้สอดคล้องกับนโยบายรมว.คมนาคม ต้องการให้เปลี่ยนไปใช้หัวรถจักไฟฟ้าภาย ในปี 2575 และให้นำร่องการเดินรถไฟฟ้าด้วยระบบ 1 เส้นทาง โดยพบว่า มีความต้องการหัวรถจักรใหม่ประมาณ 100 คัน ดังนั้นในระยะเวลา 15-17 ปีจากนี้ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบไฟฟ้า โดยในระยะเปลี่ยนผ่าน การจัดหารถทดแทนรถที่มีสภาพเก่า จะใช้วิธีการเช่าใช้พร้อมเหมาซ่อมบำรุงระยะเวลา 15 ปี โดยจะเช่าทั้งหัวรถจักร โบกี้โดยสาร แคร่บรรทุกสินค้า ตู้สินค้า โดยจะใช้รายได้จากการเดินรถมาจ่ายค่าเข่า ช่วยลดค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน ส่วนรถไฟฟ้าที่จะมีการจัดหาในอนาคต ลเป็นระบบไฟฟ้าจะใช้วิธีซื้อหรือเข่า จะต้องพิจารณาสภาพคล่ององค์กร ซึ่งเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการจัดซื้อส่วนหนึ่ง เช่าส่วนหนึ่ง ส่วนรถดีเซลนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องมีส่วนหนึ่งเพื่อให้บริการในเส้นทางท้องถิ่น เส้นทางสายย่อย ที่อาจจะลงทุนเป็นระบบไฟฟ้าไม่คุ้มค่า

โดยคาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้ จะประกวดราคาจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน และเช่าอีก 20 คัน รวมถึงประกาศทีโออาร์ โครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง คือ ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 11,348.36 ล้านบาท ,ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20ล้านบาท และประจวบคีรีขันธ์- ชุมพร วงเงิน 17,000 ล้านบาท ซึ่งผ่านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วได้

นายวุฒิชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด)ร.ฟ.ท.เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ได้พิจารณาแผนฟื้นฟู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานรวม 7 แผนงาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ การพัฒนาบุคลากร, การใช้ระบบสารสนเทศ ,การหาแนวทางบริหารทรัพย์สินขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งบอร์ดมีข้อสังเกตและแนะนำเพิ่มเติม เช่น กำหนดเป้าหมายของการดำเนินงานและผลสำเร็จ ส่วนการปรับโครงสร้างองค์กร จะมีการปรับกระบวนและขั้นตอนการทำงานภายในที่มีความล่าช้าและต้องผ่านการพิจารณาหลายฝ่ายใหม่ เช่น ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ปรับการทำงานการพิจารณาเป็น One stop service โดยลดขั้นตอนการให้บริการตั้งแต่การยื่นจนได้รับอนุญาต จาก24 ขั้นตอนเหลือ 9 ขั้นตอน ซึ่งมีการโอนย้ายบางหน่วยงานมาอยู่ในฝ่ายบริหารทรัพย์สินเพื่อความรวดเร็ว พร้อมกันนี้จะจ้างที่ปรึกษาที่มีคสามเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทรัพย์สินขนาดใหญ่เข้ามาช่วยประเมินราคาในช่วงแรก ซึ่งในภาพรวมจะลดการรั่วไหล เพิ่มรายได้ด้านการบริหารทรัพย์สินมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินปีละกว่า 2,000 ล้านบาทเท่านั้น

"ในระยะแรกการปรับโครงสร้างจะไม่มีการปรับลดพนักงานรถไฟ จะเกลี่ยพนักงานที่มีให้เหมาะสมกับงานที่ปรับใหม่ก่อน ส่วนอนาคตจะมีการปรับเพิ่มพนักงานและพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับความร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่ รถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ส่วนรองผู้ว่าฯร.ฟ.ท.จะยังจำนวน 7 คน โดยจะมีการปรับเปลี่ยนความรับผิดชอบให้สอดคล้องกับงาน เช่น รองผู้ว่าฯ ด้านรถไฟสายสีแดง,รองด้านยุทธศาสตร์ ,รองโครงสร้างพื้นฐาน 1,2 จะรวมกัน เป็นต้น ซึ่งจะใช้เวลาปรับเปลี่ยนภายใน 6-12 เดือน"

ส่วนที่ดินให้กระทรวงการคลัง เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินนั้นภายในเดือนมิ.ย.นี้จะมีการประชุมร่วม ระหว่างร.ฟ.ท.และกรมธนารักษ์ เพื่อดูมูลค่าทรัพย์สินที่มีการจ้างประเมิน ปรับทิศทางการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่แบ่งพัฒนาเพื่อประโยชน์สาธารณะ , เชิงพาณิชย์ และพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ จะสรุปร่วมกันได้

นอกจากนี้จะมีการแก้ปัญหาคนจรจัดที่หัวลำโพง เบื้องต้นสำรวจมีประมาณ 50 คน ซี่งจะมีการจัดระเบียบใหม่ที่ไม่ให้มีปัญหารละเมิดสิทธิมนุษยชนเหมือนในอดีต โดยร.ฟ.ท. จะร่วมมือกับกรมพัฒนาและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์, NGO ,มูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมทำแผน โดยจะพัฒนาคนจรจัดเหล่านี้ในด้านอาชีพ จิตใจ เพื่อส่งคืนสู่สังคม คืนครอบครัว เพื่อให้มีอาชีพทำงาน ในขณะที่รถไฟพร้อมรับคนเหล่านี้เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตามเหมาะสม เป็นการแก้ปัญหาเพื่ ปรับปรุงภาพลักษณ์ของหัวลำโพงใหม่ ซึ่งในปี2558 หัวลำโพงครบ99 ปี จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลอง ต่อเนื่องปีที่ 99-ปีที่ 100


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ