การเดินทางของนายอาคมครั้งนี้เพื่อชี้แจงความก้าวหน้าในการปรับปรุงแก้ปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย(SSC) และบทบาทหน้าที่ โครงสร้าง กติกาและคู่มือ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องของกรมการบินพลเรือน(บพ.) เพื่อให้เป็นมาตรฐานความปลอดภัย โดยคาดผลจะมี 3 แนวทาง คือ 1.ทาง ICAO คงสถานะที่ประกาศสำหรับ บพ.ไทยไปสักระยะหนึ่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะพิจารณาการแก้ปัญหาได้ชัดเจน 2.ให้โอกาสไทยในการดำเนินการแก้ไขพร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นแนวทางบวก หรือ 3.เป็นแนวทางลบ คือ อาจจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เกี่ยวกับมาตรฐานของไทย ซึ่งจะทำให้สมาชิก ICAO เพ่งเล็งและแบนหรือระงับการบินของสายการบินประเทศไทย
ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน ยอมรับว่า ผลที่จะออกมาเป็นไปได้ทั้ง 3 รูปแบบ
"การแก้ปัญหา บพ.ต้องใช้มาตรา 44 เข้ามาดำเนินการในบางเรื่อง เช่น การขอเพิ่มอัตรากำลัง และการปรับโครงสร้าง บพ. เรื่องจำนวนการบรรจุอัตรา ในสำนักงานการบินพลเรือนฯ กรมการท่าอากาศยาน และงบประมาณที่จะเสนอขอ อย่างไรก็ตาม หากข้อสรุปหลังวันที่ 18 มิ.ย. เป็นแนวทางที่ 3 ซึ่งเป็นผลลบกับไทยนั้น ยอมรับว่าจะมีผลกระทบต่อไทยแน่นอน"พล.อ.ประจิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไทยได้เตรียมมาตรการรองรับผลทั้ง 3 แนวทางไว้แล้ว เช่น การปรับบทบาทหน้าที่ ปรับโครงสร้างบพ. กฎกติกา เพื่อทำให้มีความเข้มแข็งมากที่สุด ส่วนสายการบิน และสนามบิน จะต้องหารือกับผู้บริหารสายการบินและสนามบินให้ปรับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ โดยในส่วนของสายการบินนั้น มีความชัดเจนว่าจะร่วมมือกันในการพัฒนาตัวเอง และสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศต่างๆ ที่บินเข้าออก ส่วนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. มีความพร้อมอยู่แล้ว
ดังนั้น มั่นใจว่าจะมีสายการบินทำการบินเข้าออกประเทศไทยแน่นอน นอกจากนี้จากการที่ บพ.เดินทางไปพบกับประเทศที่เป็นพันธมิตรกับไทยทั้งออสเตรเลีย เยอรมัน ไม่มีประเทศใดติดใจข้อใด และยังยืนยันว่าจะไม่สร้างปัญหาที่เป็นผลกระทบกับประเทศไทย