สำหรับความร่วมมือเบื้องต้นตาม MOU ระหว่างประเทศไทยและเมียนมาร์ ฉบับที่ 1 ที่ว่าด้วยเรื่องพลังงานด้านปิโตรเลียม มีขอบเขตความร่วมมือที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือพัฒนาธุรกิจและค้าขาย ขยายความร่วมมือด้านการปรับปรุงและพัฒนาไปสู่ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ความร่วมมือด้านเทคนิคในการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม การพัฒนาระบบก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และแนวทางการพัฒนาบุคลากร โดยเบื้องต้นได้มีแนวคิดในการพัฒนาโรงเรียนอาชีวะศึกษาด้านปิโตรเลียมให้กับเมียนมา เป็นต้น
ขณะที่ความร่วมมือเบื้องต้นตาม MOU ระหว่างประเทศไทยและเมียนมาร์ ฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องพลังงานไฟฟ้า ขอบเขตความร่วมมือที่สำคัญ ได้แก่ เมียนมาร์สนใจรับทราบนโยบายด้านการเปิดให้ภาคเอกชนของไทยมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้า ทั้งในรูปแบบผู้ผลิตไฟฟ้าในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) แนวทางการพัฒนาบุคลากรทางเทคนิคความรู้ทางวิศวกรรมการผลิต และการพัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
โดยความร่วมมือด้านไฟฟ้านี้ ทั้งไทยและเมียนมาร์ จะเกิดความร่วมมือ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านระบบผลิต (Generation) ด้านระบบส่ง (Transmission) จะมีการศึกษาและพัฒนาระบบเชื่อมโยงสายส่งร่วมกัน และด้านระบบจำหน่าย (Distribution) จะเกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในระดับปฏิบัติการต่อไป
อนึ่ง เมื่อวานนี้ รมว.พลังงาน ได้เดินทางไปสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยเบื้องต้นกระทรวงพลังงานได้ร่วมลงนาม MOU ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเมียนมาร์ อู เซยา ออง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไฟฟ้าเมียนมาร์ อู คิน หม่อง โซ โดยมีนายสาย หมอก คำ รองประธานาธิบดีเมียนมาร์ และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นประธานและเป็นสักขีพยานในการลงนามฯครั้งนี้