ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 และปีต่อ ๆ ไป ตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยให้ บสย. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (สงป.) ในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการ Policy Loan วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท โดยต้องเป็นลูกหนี้ใหม่เท่านั้น ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 5ปี อัตราดอกเบีย 4% ระยะเวลา 3 ปี ส่วนปีที่ 4-5 ให้เป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) กำหนด โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธพว. 3% ในส่วนนของเงินให้สินเชื่อ 15 ล้านบาทในช่วง 3 ปีแรก
พร้อมกันนี้ ยังให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ Policy Loan ตามเงื่อนไขดังนี้ คือ วงเงินค้ำประกันรวม 15,000 ล้านบาท และมีวงเงินค้ำประกันต่อรายสูงสุดไม่เกิน 30 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 5 ปี ค่าธรรมเนียมค้ำประกันอัตรา 1.75% ต่อปีของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อตลอดอายุการค้ำประกัน 5 ปี โดยปีที่ 1 รัฐบาลเป็นผู้รับภาระชดเชยค่าธรรมเนียมแทน SMEs ในอัตรา 1.75% ของวงเงินค้ำประกัน ส่วนปีที่ 2-3 รัฐบาลเป็นผู้รับภาระชดเชยค่าธรรมเนียมแทน SMEs ในอัตรา 0.75% ต่อปี ของวงเงินค้ำประกัน และปีที่ 4-5 ผู้ประกอบการ SMEs รับภาระค่าธรรมเนียมเองเต็มอัตราที่ 1.75% ต่อปี ของวงเงินค้ำประกัน โดยจะมีการขอรับงบประมาณชดเชยจากรัฐบาลเป็นวงเงินรวมไม่เกิน 3,225 ล้านบาท
ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 และปีต่อๆ ไป ตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) และ บสย.ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ(สงป.) ในรายละเอียดต่อไป
"ทั้ง 2 โครงการนี้มีการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย โดยกรณีโครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ 5 ของบจากรัฐบาลไม่เกิน 875 ล้านบาท ส่วนโครงการ Policy Loan มีการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล 3,252 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ถือเป็นมาตรการที่ทำให้ SMEs ทั้งที่แข็งแรง และไม่แข็งแรงมีความคล่องตัวในเรื่องของวงเงินมากขึ้น ไม่ต้องรับภาระเรื่องค่าธรรมเนียม รัฐจะเข้าไปค้ำประกันให้" รองโฆษกฯ กล่าว