โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 43,306.28 ล้านบาท มาจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นจำนวน 42,000 ล้านบาท, การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศจำนวน 1,437.26 ล้านบาท ประกอบด้วย การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,274.73 ล้านบาท สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง รถไฟสายสีแดง และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 40.21 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1 จำนวน 122.32 ล้านบาท, การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ จำนวน 130 ล้านบาท และการชำระหนี้ที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 516.67 ล้านบาท
ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินมียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 6,828.53 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและการเบิกจ่ายเงินกู้มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ ซึ่งในเดือนเมษายน 2558 มีการกู้เงินที่สำคัญ ได้แก่ การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และการออกหุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม 2558
ขณะที่หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 3,777.27 ล้านบาท เนื่องจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แต่หนี้หน่วยงานของรัฐมียอดหนี้คงค้างลดลง 1,166.24 ล้านบาท เนื่องจากการชำระหนี้เงินต้นของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และสำนักงานธนานุเคราะห์
สำหรับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 จำนวน 5,775,710.53 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,430,695.42 ล้านบาท หรือเท่ากับ 94.03% และหนี้ต่างประเทศ 345,015.11 ล้านบาท(ประมาณ 10,421.92 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับ 5.97% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับ เงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 161,103.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 เมษายน 2558) หนี้ต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.46% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ โดยเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,610,347.45 ล้านบาท หรือ 97.14% และมีหนี้ระยะสั้นเพียง 165,363.08 ล้านบาท หรือ 2.86%