ทั้งนี้สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติประชุม ครม.เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 อนุมัติให้ยืมเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อนำไปใช้แทนเงินกู้บางส่วนสำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วนเป็น 14,300 ล้านบาท ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 80/2557 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยองค์กรการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ข้อ 6 ส่งเสริมและสนับสนุนด้านงบประมาณให้กระทรวงการคลังสามารถยืมเงินกองทุนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของรัฐอันเป็นประโยชน์สาธารณะ
จากนั้น ที่ประชุม กสทช. ได้มีมติเห็นชอบต่อสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็นเลขหมายสวย และการเผยแพร่สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะบนเว็บไซต์ของสำนักงาน กสทช. และ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็นเลขหมายสวยให้นำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยเนื้อหาของร่างประกาศได้กำหนดนิยามเลขหมายสวย คือเลขหมายที่มีรูปแบบสวยตามโครงสร้างการจัดเรียงของเลข และให้สำนักงานจัดให้มีการประมูลเลขหมายสวยตามที่กำหนด โดยจะมีการนำเลขหมายสวยแบบ 9 ตัวเหมือน 1 เลขหมาย ไปประมูลเป็นครั้งแรกในงานวันสื่อสารแห่งชาติปี 2558 ด้วย
ขณะที่ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า ตนเองออกเสียงไม่เห็นด้วยต่อวาระกระทรวงการคลังขอยืมเงินกองทุน กทปส.14,300 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าการนำเงินไปใช้ในกิจการพัฒนาระบบน้ำและพัฒนาขนส่ง ไม่น่าจะตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุน กทปส.ตามกฎหมาย พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 แม้สำนักงานจะอ้างถึงประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 80/2557 เมื่อวันที่ 9 ก.ค.58 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติม ในมาตรา 52 แห่ง พรบ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ว่า ส่งเสริมและสนับสนุนด้านงบประมาณให้กระทรวงการคลังสามารถยืมเงินกองทุนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของรัฐอันเป็นประโยชน์สาธารณะก็ตาม
แต่เนื่องจากในที่ประชุม สำนักงานและบอร์ดกองทุนฯไม่ได้แนบรายละเอียดโครงการพร้อมทั้งบทวิเคราะห์จากโครงการดังกล่าว รวมทั้งคณะรัฐมนตรีน่าจะหารือกับ กสทช. เพื่อทำความเข้าใจในแง่ที่ว่าผลกระทบจากการนำเงินไปพัฒนาด้านอื่นจะส่งผลต่อการพัฒนาด้านโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม อาทิเช่น การติดตั้งโทรศัพท์สาธารณะขั้นพื้นฐาน อินเตอร์เน็ตเพื่อชุมชนชนบทสามารถเข้าถึงได้ หรือไม่อย่างไร รวมทั้งผลกระทบต่อความล่าช้าที่จะเกิดขึ้น ตนเห็นว่ากระบวนการยังไม่ครบถ้วน รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบน้ำ ควรมีการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมด้วยเพราะอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่ ซึ่ง กสทช.เองก็ยังไม่เห็นรายละเอียดในโครงการดังกล่าว
“แม้จะเป็นความจำนงจากกระทรวงการคลัง แต่ก็ยังต้องมีกระบวนการข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เพราะมันเป็นการชั่งน้ำหนักระหว่างการพัฒนาระบบน้ำขนส่ง กับการพัฒนาด้านโทรคมนาคมขั้นพื้นฐาน อะไรคือภารกิจสำคัญของ กสทช.ในการนำเงินไปใช้ตรงนี้ หรือว่ารัฐบาลควรนำไปใช้มากกว่ากัน ซึ่งถ้าเทียบกับการใช้เงินกองทุนเพื่อพัฒนาในเรื่องอื่นๆ ควรจะมีรายละเอียดของโครงการต่างๆเข้ามา หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจมากกว่า เพราะน่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้เงินสาธารณะ" สุภิญญา กล่าว