(เพิ่มเติม) สศค.เล็งปรับลดเป้าส่งออกปีนี้จากเดิมคาดโต 0.2% แต่ยังเชื่อศก.โตกว่า 3%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 17, 2015 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า สศค.เตรียมปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 58 จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 0.2% เนื่องจากในช่วง 4 เดือนแรกของปีหดตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(GDP) ไทยจะยังจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่การใช้จ่ายภาครัฐจะเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีตัวเลขการเซ็นสัญญาในการลงทุนต่างๆของภาครัฐอยู่ที่ 50%

นอกจากนี้ ยังมีเม็ดเงินที่อยู่นอกงบประมาณที่จะมีการเบิกจ่ายออกมาในครึ่งปีหลังเพิ่มเติม อย่างเช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆอีก 5 หมื่นล้านบาทที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในอนาคต เนื่องจากเป็นการลงทุนในระยะยาว รวมทั้งการลงทุนในโครงการน้ำและถนนที่รัฐบาลได้อนุมัติงบจำนวน 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากการกู้ยืมเงินของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.)

นายเอกนิติ กล่าวว่า แม้ว่าการลงทุนของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักในปีนี้ แต่ยังมีสัดส่วนไม่มากเท่ากับภาคการส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ซึ่ง สศค.ประเมินว่าจะมีการปรับประมาณการณ์ส่งออกในปีนี้ลดลงเป็นใกล้เคียง 0% จากเป้าที่ตั้งไว้ที่เติบโต 0.2% หลังจากตัวเลขการส่งออก 5 เดือนติดลบ 4%

"เราอยู่ระหว่างการรอดูสถานการณ์ตัวเลขภาคส่งออกในเดือนมิถุนายนนี้อีก 1 เดือนว่าตัวเลขส่งออกจะเป็นอย่างไร ก่อนที่จะปรับตัวเลขเป้าหมาย ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะปรับเป็นใกล้เคียง 0% จากเป้า 0.2% แต่ตัวเลข GDP ปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% การที่จะโต 5-6% ก็คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน"นายเอกนิติ กล่าว

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยยังต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)ในคืนนี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐหรือไม่ หากมีการส่งสัญญาณออกมาจะทำให้เงินทุนมีการไหลออกกลับไปสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้เก่ความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุน อีกทั้งจะมีโอกาสทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทะลุ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

"ตอนนี้ก็ต้องติดตามการประชุมเฟดคืนนี้ว่าจะมีสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ถ้ามีสัญญาณออกมาว่าจะขึ้น ก็จะทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนมีความผันผวน เพราะเงินไหลออกไปสหรัฐฯ ซึ่งก็อยากแนะนำผู้ส่งออกให้ระวังความผันผวนที่เกิดขึ้น โดยต้องมีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน แม้ว่าค่าเงินบาทอ่อนจะเป็นผลดี แต่ก็ยังมีความผันผวน ซึ่งนอกจากสหรัฐฯแล้วก็ต้องดูกรีซอีกด้วยว่าจะมีบทสรุปออกมาอย่างไร"นายเอกนิติ กล่าว

ด้านนายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกปีนี้คาดว่าจะไม่หดตัว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวมากขึ้น และยังมีปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยประเมินไว้ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาดูแลความผันผวนของค่าเงินหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีสัญญาณปรับดอกเบี้ยขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกสินค้าไปในภูมิภาคนี้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้มีสินค้าบางประเภทมีมูลค่าการส่งออกลดลง

อีกทั้ง ยังเชื่อมั่นว่าทางสหภาพยุโรป(EU)จะไม่มีการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง และต่อเนื่องมาโดยตลอดโดยเฉพาะการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย อย่างเช่น การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงจาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ปัจจุบันทาง EU ยังอยู่ระหว่างการรอพิจารณาการว่าจะตัดสิทธิ GSP ของไทยหรือไม่ โดยได้ให้ใบเหลืองการประมงของไทย

"ส่งออกปีนี้ไม่น่าต่ำกว่า 0% โดยมองไตรมาส 2 จะติดลบ 1.5-2% ไตรมาส 3 ก็ไม่น่าเกิน 3% และ ไตรมาส 4 ก็ไม่น่าเกิน 2%"นายนพพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ