ในครั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง(Liquidity Coverage Ratio : LCR) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องที่ใช้ในปัจจุบันให้ธนาคารพาณิชย์มีสินทรัพย์สภาพคล่องที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว เพียงพอรองรับการไหลออกของแหล่งเงินและภาระผูกพันต่างๆ ได้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้ฝากและธุรกรรมแต่ละประเภทของธนาคารพาณิชย์ยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์หนึ่งๆ จะเป็นต้นเหตุของปัญหาด้านสภาพคล่องของระบบสถาบันการเงินได้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ศึกษาผลกระทบและหารือกับธนาคารพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หลักเกณฑ์มีความเหมาะสมกับประเทศไทย และให้เวลาธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับตัวจนถึงปี 2563 เพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบเชิงลบต่อระบบการเงิน ประชาชน และเศรษฐกิจโดยรวม
หลักเกณฑ์ LCR เป็นหนึ่งในหลักเกณฑ์ Basel III ด้านสภาพคล่อง โดย Basel Committee of Banking supervision ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถรับมือกับสถานการณ์สภาพคล่องได้ โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์มีสินทรัพย์ซึ่งเป็นสินทรัพย์คุณภาพี และมีสภาพคล่องสูงที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วโดยมูลค่าไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ในปริมาณที่เพียงพอรองรับประมาณการกระแสเงินสดที่อาจไหลออกสุทธิใน 30 วัน ภายใต้สถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเวลาในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา
สำหรับประเทศไทยนั้น ธนาคารแห่งประเทสไทยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ LCR ตั้งแต่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ในลักษณะทยอยนำมาใช้ ซึ่งเป็นหลักการนำมาใช้ที่สอดคล้องกับสากล เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเวลาปรับตัว โดยให้ดำรง LCR ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ในปี 2559 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในแต่ละปี จนครบร้อยละ 100 ในปี 2563
อนึ่ง ประกาศ LCR ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 โดยกำหนดให้ใช้ทดแทนหลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องที่ใช้ในปัจจุบัน สำหรับหลักเกณฑ์การดำรงเงินฝากกระแสรายวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเครื่องมือการดำเนินนโยบายการเงินนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกประกาศที่เกี่ยวข้องต่อไป