อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีตัวฉุดจากภาคการส่งออกที่ยังมีการชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจในต่างประเทศรวมไปถึงประเทศคู่ค้าไม่ดี ทำให้ตัวเลขการส่งออกในช่วงที่ผ่านมาไม่ดีนัก แต่ในปัจจุบันมีปัจจัยที่ช่วยให้ภาคการส่งออกมีโอกาสจะฟื้นตัวขึ้น คือ เงินบาทที่อ่อนค่าลง จะทำให้การส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งต้องมีการดูตัวเลขภลคการส่งออกอีกครั้งใน 3 เดือนให้หลัง หรือในเดือนกันยายนว่า ตัวเลขการส่งออกจะมีการฟื้นตัวขึ้นหรือไม่
"ตัวเลขการส่งออกเราลงมาก เพราะเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ดี แต่ก็มีโอกาสค่อยๆ ฟื้นตัว เพราะได้เงินบาทที่อ่อนค่ามาช่วย แต่ปีนี้ภาคส่งออกคงไม่ช่วยให้เราโต แต่จะเป็นการลงทุนภาครัฐแทนที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งเรายังได้ภาคการท่องเที่ยวที่เข้ามาช่วยอีก"ม.ร.ว. ปรีดิยาธร กล่าว
ส่วนความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวนั้น ประเมินความเสียหายอยู่ที่เกือบ 6 แสนล้านบาท ซึ่งมองว่าเป็นโครงการล้มเหลวของรัฐบาลชุดก่อนที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้ยังได้เดินหน้าในการขจัดธุรกิจสีเทาต่างๆ ที่สร้างความเสียหายเกิดขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รวมไปถึงนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลจะออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะเริ่มหันมาสนใจการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักธรรมมาภิบาล
"การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะต้องมีการขยายตัวอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แบบเมื่อก่อน อย่างโครงการรถคันแรกที่โตได้แค่ปีครึ่งแล้วหลังจากนั้นก็ตกลงมา เราต้องดูความถูกต้องไม่งั้นจะแย่ เอกชนก็ด้วย ควรเลิกการหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง อยากให้ทุกคนสนใจการเติบโตอย่างยั่งยืน และยึดหลักธรรมภิบาล"ม.ร.ว. ปรีดิยาธร กล่าว
ส่วนการหาผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คนใหม่นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ตนจะไม่ยุ่งกับการตัดสินใจคัดเลือกผู้ว่าฯ ธปท. โดยจะให้นายสมหมาย ภาษี รมว.คลังเป็นผู้ตัดสินใจ โดยรายชื่อผู้สมัครผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ทั้ง 5 คน ถือเป็นบุคคลที่มีประวัติดี ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ที่ทดลองทฤษฎี ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงหากเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท. ซึ่งผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่จะเป็นคนนอกหรือคนในก็ได้ แต่ขอให้การทำงานแบบผู้ว่าฯ ธปท.คนปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ บุคลากรของธปท.มีการทำงานกันเป็นทีมและมีความเข้มแข็ง พร้อมสนับสนุนการทำงานจึงไม่น่ากังวล โดยคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ ธปท.กำลังพิจารณาหลังจากที่ทั้ง 5 คนได้แสดงวิสัยทัศน์ไปแล้ว