(เพิ่มเติม) นายกฯ ย้ำ SMEs ต้องขึ้นทะเบียน เพื่อจัดกลุ่มในการช่วยเหลือให้มีประสิทธิภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 19, 2015 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเฉพาะกิจ (สสว.) ครั้งที่ 2 ประจำปี 2558 มีการวางมาตรการการบริหารจัดการเพื่อจัดกลุ่มเอสเอ็มอีให้เกิดความชัดเจนและย้ำว่าจะต้องนำเอสเอ็มอีทั้งหมด ถึง 2.7 ล้านราย เข้าสู่ระบบภาษีและการจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องจัดกลุ่มเอสเอ็มอีเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความสามารถขยายไปยังต่างประเทศ, กลุ่มที่จะต้องขยายในประเทศ, กลุ่มที่มีศักยภาพแต่ต้องการเงินทุน และกลุ่มที่ปิดไปแล้ว แต่ยังมีความสามารถนำกลับมาดำเนินการได้

นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการจัดงานเพื่อสร้างการรับรู้ถึงการพัฒนาเอสเอ็มอีไทย เช่น การจัดพบปะกับผู้ประกอบการ การจับคู่ธุรกิจ และการจัดแสดงเทคโนโลยีการผลิตและการตลาด ส่วนในปีหน้าก็จะต้องจัดกิจกรรมระดับชาติ เพื่อส่งเสริมภาคเอสเอ็มอี อีกทั้งยังต้องพัฒนาด้านการเกษตรควบคู่กันที่จะสามารถส่งผลให้จีดีพีของประเทศปรับตัวดีขึ้น ที่สำคัญจะต้องเดินหน้าการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Business เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรร์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน

รวมทั้งยังต้องเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องมีการจัดตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส หรือ OSS ทำงานร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมในต่างจังหวัดเพื่ออำนวจความสะดวกให้กับภาคเอกชนและรวมถึงการติดต่อของเอสเอ็มอีด้วย นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ภาคธนาคารเข้ามาช่วยในเรื่องของเงินทุนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีร่วมกับรัฐบาล ซึ่งเข้าใจว่าจะต้องพิจารณาในเรื่องสถานะทางการเงินของเอสเอ็มอีกแต่ละแห่งด้วย ขณะที่การปรับโครงสร้างการทำงานในภาพรวมก็จะต้องเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป

ขณะที่ น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ สสว.วิเคราะห์ข้อมูลและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs พร้อมทั้งคัดกรองผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพเข้าสู่ระบบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนมากขึ้นเพื่อเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการแต่ละรายอย่างตรงจุด โดยเมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนกรมบัญชีกลางจะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย

สำหรับสถานการณ์ SMEs ปี 2558 มีแนวโน้มดีขึ้น โดย จีดีพี SMEs ไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ขยายตัวร้อยละ 5.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือจีดีพี SMEs มีมูลค่า 1,390,000 บาท คาดทั้งปีจีดีพี SMEs จะขยายตัวร้อยละ 3-4.4 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐฯและยุโรป การท่องเที่ยวขยายตัว ธุรกิจการก่อสร้างฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 2.7 ล้านกิจการ ประกอบด้วย นิติบุคคล 589,000 ราย มีการจ้างงาน 6,100,000 คน บุคคลธรรมดา 2,079,267 กิจการ มีการจ้างงาน 4,372,713 คน ซึ่ง สสว.จะเข้าไปสำรวจว่า SMEs เหล่านี้เข้าไปถึงแหล่งเงินทุนได้หรือไม่ มีการข้อติดขัดประการใด พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น

ด้านนายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กล่าวว่า กสอ.เตรียมจัดกลุ่ม SMEs ทั่วประเทศ จังหวัดละ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่ม Start Up คือกลุ่มที่เพิ่งเริ่มกิจการ กลุ่ม Rising Star คือกลุ่มธุรกิจมาแรง และกลุ่ม Turn Around คือ กลุ่มที่ต้องฟื้นฟูกิจการ เพื่อนำร่องเป็นตัวอย่างให้กับ SMEs ในแต่ละจังหวัดเพื่อเข้าถึงผู้ประกอบการ อบรมความรู้ที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขปัญหาแต่ละรายอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างให้ผู้ประกอบการ SMEs อื่นๆเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะสามารถคัดผู้ประกอบการได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในธันวาคมนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ