นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการจัดงานเพื่อสร้างการรับรู้ถึงการพัฒนาเอสเอ็มอีไทย เช่น การจัดพบปะกับผู้ประกอบการ การจับคู่ธุรกิจ และการจัดแสดงเทคโนโลยีการผลิตและการตลาด ส่วนในปีหน้าก็จะต้องจัดกิจกรรมระดับชาติ เพื่อส่งเสริมภาคเอสเอ็มอี อีกทั้งยังต้องพัฒนาด้านการเกษตรควบคู่กันที่จะสามารถส่งผลให้จีดีพีของประเทศปรับตัวดีขึ้น ที่สำคัญจะต้องเดินหน้าการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Business เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรร์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน
รวมทั้งยังต้องเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องมีการจัดตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส หรือ OSS ทำงานร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมในต่างจังหวัดเพื่ออำนวจความสะดวกให้กับภาคเอกชนและรวมถึงการติดต่อของเอสเอ็มอีด้วย นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ภาคธนาคารเข้ามาช่วยในเรื่องของเงินทุนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีร่วมกับรัฐบาล ซึ่งเข้าใจว่าจะต้องพิจารณาในเรื่องสถานะทางการเงินของเอสเอ็มอีกแต่ละแห่งด้วย ขณะที่การปรับโครงสร้างการทำงานในภาพรวมก็จะต้องเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ สสว.วิเคราะห์ข้อมูลและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs พร้อมทั้งคัดกรองผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพเข้าสู่ระบบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนมากขึ้นเพื่อเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการแต่ละรายอย่างตรงจุด โดยเมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนกรมบัญชีกลางจะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย
สำหรับสถานการณ์ SMEs ปี 2558 มีแนวโน้มดีขึ้น โดย จีดีพี SMEs ไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ขยายตัวร้อยละ 5.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือจีดีพี SMEs มีมูลค่า 1,390,000 บาท คาดทั้งปีจีดีพี SMEs จะขยายตัวร้อยละ 3-4.4 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐฯและยุโรป การท่องเที่ยวขยายตัว ธุรกิจการก่อสร้างฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 2.7 ล้านกิจการ ประกอบด้วย นิติบุคคล 589,000 ราย มีการจ้างงาน 6,100,000 คน บุคคลธรรมดา 2,079,267 กิจการ มีการจ้างงาน 4,372,713 คน ซึ่ง สสว.จะเข้าไปสำรวจว่า SMEs เหล่านี้เข้าไปถึงแหล่งเงินทุนได้หรือไม่ มีการข้อติดขัดประการใด พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น
ด้านนายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กล่าวว่า กสอ.เตรียมจัดกลุ่ม SMEs ทั่วประเทศ จังหวัดละ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่ม Start Up คือกลุ่มที่เพิ่งเริ่มกิจการ กลุ่ม Rising Star คือกลุ่มธุรกิจมาแรง และกลุ่ม Turn Around คือ กลุ่มที่ต้องฟื้นฟูกิจการ เพื่อนำร่องเป็นตัวอย่างให้กับ SMEs ในแต่ละจังหวัดเพื่อเข้าถึงผู้ประกอบการ อบรมความรู้ที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขปัญหาแต่ละรายอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างให้ผู้ประกอบการ SMEs อื่นๆเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะสามารถคัดผู้ประกอบการได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในธันวาคมนี้