ขณะที่ผลการดำเนินงานรอบ 3 ไตรมาส (ต.ค. 2557 – มิ.ย. 2558) สมอ. ได้เร่งดำเนินการโครงการอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง ดังนี้ การแก้ไขพ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 โดยมีสาระสำคัญที่แก้ไขเพิ่มเติม 3 ประเด็น ได้แก่ การออกใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาต การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต/การเลิกแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน และการกำหนดเวลาสำหรับชำระค่าใช้จ่ายในการทดสอบผลิตภัณฑ์ แต่เดิมเป็นอำนาจของ กมอ. และรัฐมนตรี แก้ไขเป็นอำนาจของเลขาธิการ สมอ., การกำหนด แก้ไข ยกเลิกมาตรฐาน สามารถอ้างอิงมาตรฐานต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องมีการแปลเป็นภาษาไทย, กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต การปรับลดขั้นตอนการออกใบอนุญาต
นายหทัย กล่าวว่า นอกจากนี้ สมอ. ได้มีการปรับลดขั้นตอนการออกใบอนุญาต โดยหลังจากมีการปรับโครงสร้างการทำงาน สมอ. และลดระยะเวลาการออกใบอนุญาตทำให้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 2557 – พ.ค. 2558) มียอดการออกใบอนุญาต (มอก.) เป็นจำนวน 4,238 ฉบับ ซึ่งสูงขึ้นกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 5.42 %
โดยผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ประกอบการยื่นขอ 3 อันดับแรก ได้แก่ บริภัณฑ์ส่องสว่าง เหล็ก และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) มีแนวโน้มการขอใบอนุญาตสูงขึ้นกว่าปี 2557 ถึง 12.96% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของใช้ ของที่ระลึก ผ้า เครื่องแต่งกาย
ด้านมาตรการคุมเข้มสินค้าไม่ได้มาตรฐาน สมอ. ได้จัดดำเนินงาน 4 เรื่องหลัก ดังนี้ 1.มาตรการเข้มงวดผู้นำเข้ามาตรฐานบังคับ โดยห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ก่อนได้รับอนุญาต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา
2.การประสานความร่วมมือกำกับดูแลสินค้าชายแดน โดยร่วมกับกรมศุลกากร ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว อุบลราชธานีและมุกดาหาร สกัดกั้นสินค้ามาตรฐานบังคับที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าประเทศ 3. การกำหนดมาตรฐาน แก้ไข ปรับปรุงมาตรฐานบังคับ เพื่อให้ทันสมัยสอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบันและเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
4. ดำเนินงานตามกฎหมาย ได้แก่ 1.การยึดอายัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน 8 กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ ดังนี้ เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์ เครื่องกล(เครื่องปรับอากาศ และท่อไอเสีย) ปิโตรเคมีและโพลีเมอร์ (ท่อสำหรับน้ำดื่ม) โภคภัณฑ์ (หัวนมยางสำหรับขวดนม ไฟแช็กก๊าซ ของเล่น) เครื่องมือแพทย์ ยาง เคมี (สี ทินเนอร์) รวมมูลค่า 98,873,540 บาท อยู่ระหว่างดำเนินคดี 9 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์ โภคภัณฑ์ ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง ยาง ปิโตรเคมีและโพลีเมอร์ เคมี และเครื่องมือแพทย์ รวมมูลค่า 3,473,072 บาท
นายหทัย กล่าวต่อว่า สมอ. ยังเข้มงวดกับผู้นำเข้า ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์มาตรฐานบังคับที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์แต่งซิ่งของวัยรุ่น (เด็กแว้น) และขอความร่วมมือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศตรวจร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางในรถจักรยานยนต์ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ และหมวกกันน็อก เพื่อควบคุมผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งขอความร่วมมือร้านตกแต่งรถจักรยานยนต์มิให้ดัดแปลงผลิตภัณฑ์ต่างไปจากมาตรฐานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการควบคุมดูแลเด็กแว้น
เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้ายว่า สมอ. มีความพร้อมในการดำเนินงานด้านการตรวจควบคุมสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์มาตรฐานบังคับ เพื่อดูแลคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาดนั้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในการคืนความสุขให้กับประชาชน และเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีนี้