โดยความคืบหน้าในส่วนของการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 นี้ เดิมมีกรอบวงเงินราว 62,000 ล้านบาท แต่ล่าสุด ทอท.ได้ปรับลดวงเงินลงไป 5-6 พันล้านบาท โดยตัวเลขที่ชัดเจนจะรายงาน ครม.อีกครั้ง ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการกำลังพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ถ้าผ่านความเห็นชอบก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการประกวดราคาได้ทันที
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างรันเวย์แห่งที่ 3 นั้น ทอท.ได้วางแผนในการจัดทำรันเวย์สำรองไว้ ความยาว 2.9 กม. เพื่อใช้กรณีฉุกเฉินหากต้องปิดรันเวย์ทั้ง 2 รันเวย์ในปัจจุบัน แต่กระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบแล้วว่าสิ่งที่ ทอท.ได้วางแผนไว้นั้นจะต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย แต่ ทอท.ไม่ได้ทำการศึกษา EIA ในส่วนนี้ไว้มาก่อน หากจะเริ่มทำก็อาจต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน ดังนั้นหากปรับเปลี่ยนมาเป็นการนำแผนการก่อสร้างรันเวย์แห่งที่ 3 ซึ่งได้ทำรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม(EHIA)ไว้แล้ว ก็จะน่าจะรวดเร็วกว่าการจัดทำรันเวย์สำรอง ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงเสนอให้ ทอท.ไปพิจารณาในส่วนนี้ โดยขณะนี้รันเวย์ที่ 3 ที่ทอท.ได้เคยวิเคราะห์ EHIA ไว้แล้ว อยู่ในระหว่างคณะกรรมการผู้ชำนาญการกำลังพิจารณา เมื่อพิจารณาเสร็จจะเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้เช่นกัน
ส่วนงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 นั้น ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ซึ่งจะจบในปี 2562 นั้น จะมีศักยภาพสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 60 ล้านคน จากปัจจุบันที่ปีละ 40 ล้านคน ดังนั้น ทอท.จึงได้ปรับแผนแม่บทการพัฒนา ทสภ.และจะบรรจุโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ไว้ เพื่อรองรับการเพิ่มปริมาณผู้โดยสารจากปีละ 40 ล้านคน เป็นปีละ 60 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอแผนให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในอีก 2-3 เดือนจากนี้