นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.78/79 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 33.77/78 บาท/ดอลลาร์ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"เปิดตลาดขยับอ่อนค่าเล็กน้อยจากช่วงเย็นวานนี้ รอปัจจัยใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว
นักลงทุนรอดูความคืบหน้าการเจรจาเรื่องการชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ของกรีซที่ยังไม่ลงตัว ซึ่งมีนัดหารือกันอีกครั้งในวันเสาร์นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนครบกำหนดในวันที่ 30 มิ.ย.58 ส่วนปัจจัยภายในเป็นการประกาศตัวเลขส่งออก-นำเข้าเดือน พ.ค.58 ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งตลาดคาดว่ายังคงมีทิศทางหดตัวต่อเนื่อง
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.74-33.84 บาท/ดอลลาร์
"ถ้าตัวเลขส่งออกผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก็จะเป็นแรงกดดันต่อค่าเงินบาทได้" นักบริหารเงิน ระบุ
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.7750 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(25 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.49116% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(25 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.47514%
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 123.40 เยน/ดอลลาร์ ทรงตัวในระดับเดียวกับช่วงเย็นวานนี้
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1180 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 1.1170 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.7870 บาท/ดอลลาร์
- นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเศรษฐกิจไทยปี 58 ลดลง 0.5% เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรลด มีการใช้จ่ายต่ำ โดยขณะนี้รัฐบาลจะสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งลงทุน ทั้งโครงการลงทุนของปีงบประมาณ 58 ที่ยังตกค้างและงบลงทุนของปีงบประมาณ 59 ที่กำลังจะพิจารณาแล้วเสร็จ เพื่อให้เกิด การจ้างงานเพิ่มขึ้น ช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหาภัยแล้งได้ระดับหนึ่ง
ขณะที่เอชเอสบีซีเอชเอสบีซีปรับลดประมาณเศรษฐกิจไทยเหลือ 3.1% จาก 3.6% การฟื้นตัวอ่อนแอ ส่งออก-ลงทุน-บริโภคยังไม่มีแววกระเตื้อง คาดไตรมาส 3 ลดดอกเบี้ยอีกรอบ
- "ธปท." คาดไตรมาส 3 ปีนี้ ยอดปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นเท่าตัว หวังเป็นเครื่องมือเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจฐานรากในอนาคต ระบุยอดขอถอนตัวทำธุรกิจ มีแค่ 4 ราย ส่วนอีก 7 รายขอเอกสารเพิ่ม พร้อมติดตามแก้วัตถุประสงค์ปล่อย สินเชื่อพีโลนอีก 2 เดือนรู้ผล "คลัง" หวังผลมหกรรมแบงก์รัฐ ดันสินเชื่อนาโนฯแตะหมื่นล้าน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์เดือน พ.ค. 2558 ตึงตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากเงินฝากลดลงกว่า 8 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) ขยับมาที่ระดับ 85.66% จาก 85.19% ในเดือน เม.ย. สอดคล้องกับอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมของธนาคารพาณิชย์ ที่ลดลงมาที่ระดับ 21.13% จาก 21.37% ในสิ้นเดือนก่อน
- พลังงานเร่งเปิดสำรวจปิโตรเลียม เล็งกำหนดใช้ระบบแบ่งปันใน 29 แปลง ระบุหากล่าช้าส่งผลกระทบไทยสูญโอกาส หลังพบประเทศคู่แข่งปรับเงื่อนไขดึงดูดนักลงทุน
- คมนาคมเร่งสาง 4 ปัญหาด่วนปลดล็อกธงแดง เดินแผนเข้มข้นรับมือไอเคโอมาตรวจสอบซ้ำในเดือนกันยายนนี้ มั่นใจปลายปีนี้ไทยหลุดพ้นทุกปัญหาการบิน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่สูงเกินไป หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 57 เซนต์ ปิดที่ 59.7 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 63.2 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูการเจรจาปัญหาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ากรีซจะสามารถชำระหนี้ IMF ได้ตามกำหนดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้หรือไม่ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับ 1,171.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ค.ลดลง 4.5 เซนต์ ปิดที่ 15.808 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 10.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,084.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.ลดลง 16.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 679.35 ดอลลาร์/ออนซ์
- China Foreign Exchange Trading System(CFETS) รายงานว่า เงินหยวนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 6.1137 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) ขณะที่การหารือระหว่างกรีซและบรรดาเจ้าหนี้ที่ยังไม่มีความคืบหน้าส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายล็อตใหญ่ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมออกมาสดใส โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1203 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1202 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5732 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5699 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.61 เยน จาก 123.84 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9364 ฟรังก์ จาก 0.9343 ฟรังก์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7741 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7707 ดอลลาร์