ทั้งนี้จากการลงพื้นที่สำรวจของจีนทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน เห็นว่า แนวเส้นทางตามผลศึกษาเดิมของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)นั้นหลายจุดมีข้อจำกัด ทั้งเรื่องชุมชนและสาธารณูปโภคจึงขอปรับเปลี่ยน ซึ่งจะกระทบต่อการออกแบบ การเวนคืน และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เดิม จึงให้คณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ร่วมหารือกับจีนภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่เกินวันที่ 15 ก.ค.นี้จะต้องได้ข้อสรุปว่าแนวเส้นทางจะปรับจากเดิมจุดใดบ้าง เพิ่มเติมกี่สถานี เพื่อสรุปเรื่องเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม กล่าวว่า การร่วมลงทุนจะมีหลายรูปแบบ ซึ่งต้องรอผลการสำรวจออกแบบสรุปในเดือน ส.ค.นี้ก่อน เพื่อให้มีความชัดเจนวงเงินลงทุนของโครงการ โดยรูปแบบการร่วมทุนเบื้องต้น คือ ไทยรับผิดชอบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเดินรถ, ระบบรถ โดยก่อนหน้านี้ไทยเสนอขอตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-จีน ในส่วนของการเดินรถและการซ่อมบำรุง และได้เสนอเพิ่มเติมในเรื่องร่วมทุนระบบรถและล้อเลื่อน(Roling Stock) และระบบอาณัติสัญญาณด้วย โดยจะเป็นบริษัทเดียวหรือ 2 บริษัท หรือสัดส่วนเท่าใดนั้นต้องรอให้จีนพิจารณา
ส่วนแหล่งเงินนั้นจะมีทั้งงบประมาณและเงินกู้ ซึ่งจีนยืนยันจะพิจารณาดอกเบี้ยในอัตรามิตรภาพที่เป็นประโยชน์ให้ไทยมากที่สุด ซึ่งจีนไม่มีปัญหาหากไทยต้องการกู้เงินหลายสกุล แต่ยืนยันว่าเงินหยวนมีดอกเบี้ยดีและมั่นคงที่สุด ส่วนเงื่อนไขในสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะต้องหารือกันอีก เนื่องจากมีประเด็นกรณีข้อพิพาทที่ไทยต้องการให้มีอนุญาโตตุลาการ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หลังสรุปการสำรวจออกแบบและรู้วงเงินลงทุนที่แน่ชัดแล้วจึงจะรู้จำนวนรถว่าจะต้องมีกี่ขบวน การลงทุนระบบอาณัติสัญญาณ และจะต้องหาคนกลางเข้ามาประเมินว่าวงเงินลงทุนที่จีนสำรวจออกแบบนั้นเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ไทยจะต้องหาที่ปรึกษาเข้ามาช่วยดูเรื่องการจัดหาแหล่งเงินและที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างอีกด้วย
ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะนัดหารือกรณีแนวเส้นทางช่วง กรุงเทพ-บ้านภาชี ซี่งตามแนวทางรถไฟจะมีท่อก๊าซของ ปตท.ระยะทางประมาณ 40 กม.ซึ่งทางจีนขอให้ย้ายแนวท่อก๊าซออก ซึ่งต้องมีการศึกษา EIA ที่จะกระทบกับระยะเวลาการก่อสร้าง ดังนั้นจะหารือเพื่อออกแบบเลี่ยง นอกจากนี้จะหารือถึงที่ตั้งศูนย์ควบคุมระบบการเดินรถซึ่งจีนเสนอที่บางซื่อ ในขณะที่ ร.ฟ.ท.จัดพื้นที่ไว้บริเวณเชียงรากน้อย เนื่องจากมีความมพร้อมและจะเป็นศูนย์กลางควบคุมการเดินรถไฟทั่วประเทศ รองรับอนาคตได้ดีกว่า ส่วนบางซื่อพื้นที่มีความแออัดแล้ว