ล่าสุดพบว่ายังมีลูกค้าประชาชนที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนมาก และเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้าประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ธอส. จึงได้ขยายกรอบวงเงินโครงการดังกล่าวสำหรับประเภทลูกค้ารายย่อย อีก 500 ล้านบาท (กรอบวงเงินเดิม 500 ล้านบาท) รวมเป็นวงเงิน 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายเวลายื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมจากเดิม 30 มิถุนายน 2558 เป็นถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558
“ธนาคารได้กำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว คือ สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีภูมิลำเนาหรือเคยมีภูมิลำเนาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส และมีความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 3 จังหวัด อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดพิเศษ 3.75% ต่อปี คงที่นานถึง 5 ปีแรก ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยสวัสดิการ คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.เท่ากับ 6.750% ต่อปี) และให้กู้คลอบคลุมทั้งเพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมอาคารอีกด้วย"นางอังคณากล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เตรียมวงเงินอีก 200 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อประเภทแฟลตให้เช่า ให้กู้แก่ผู้ที่มีภูมิลำเนา / ทะเบียนนิติบุคคล /จดทะเบียนการค้า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปีแรก เท่ากับ MLR-2.00% ต่อปี ส่วนปีที่ 2 ถึงปีที่ 5 อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MLR-ไม่เกิน 1.00% ต่อปี ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ อัตราดอกเบี้ย MLR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส.เท่ากับ 6.65% ต่อปี) ให้กู้เพื่อปลูกสร้างแฟลต ซื้อที่ดินพร้อมอาคารแฟลต ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารแฟลต และไถ่ถอนจำนองแฟลตจากสถาบันการเงินอื่น
ทั้งนี้ ลูกค้าที่สนใจ “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้" สามารถติดต่อขอยื่นกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2558 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th