"กระทรวงพลังงานประเมินสถานการณ์การปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอในครั้งนี้ ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก และแผนรับมือที่เตรียมไว้นั้นเชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ในการใช้ชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่ต้องวิตกกังวล"นายทวารัฐ กล่าว
นายทวารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้ประชาชน ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่ภาคใต้ได้ทราบเพื่อเตรียมพร้อมในการจัดการใช้พลังงานในช่วงดังกล่าว เนื่องจากปริมาณก๊าซฯจะหายไปจากระบบ และกระทบกับโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 ที่อาศัยก๊าซฯจากแหล่งเจดีเอเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้
กระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับมือและป้องกันไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้แผนปฏิบัติเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และจากการซักซ้อมในปีนี้มีความมั่นใจมากขึ้น จากการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับปรุงโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 ให้สามารถเปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซลแทนก๊าซฯได้ ขณะเดียวกันบมจ.ปตท.(PTT) ได้จัดเตรียมน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาสำรองไว้ใช้กับโรงไฟฟ้า และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ได้ดูแลระบบสายส่งไฟฟ้าให้พร้อมมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการลงไปประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ภาคใต้จะเป็นการแจ้งข่าวให้ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ได้รับทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างใกล้ชิดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมที่จะร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันความเสี่ยงต่อการจะเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้ได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกภาคส่วนเข้าใจดีและสามารถให้ความร่วมมือได้ดีเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยกันบรรเทาผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในการดำรงชีวิตประจำวัน และเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
ขณะเดียวกันในช่วงปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอ กระทรวงพลังงานจะเฝ้าระวังสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ และมีศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสนับสนุนกรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ ของ กฟภ. เป็นศูนย์ประสานงานกับ กฟผ. ที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าและการสั่งการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ยังขอความร่วมจากทุกภาคส่วนในการช่วยกันประหยัดไฟฟ้า โดยการปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก และช่วยเลี่ยง-ลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลา 18.30 น. – 22.30 น. ระหว่างวันที่ 19-23 ก.ค.นี้ หากสามารถทำได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ความเสี่ยงของการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ก็จะหายไป
ด้านนายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการกฟภ. กล่าวว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้สูงสุดอยู่ที่ 2,350 เมกะวัตต์ ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้มีระดับ 2,833 เมกะวัตต์ และยังมีไฟฟ้าเหลือสำรองอีก 483 เมกะวัตต์ ทำให้ยังไม่น่ากังวลมากนักต่อการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯเจดีเอ แต่ในส่วนระบบส่งนั้นหากเกิดปัญหาขัดข้องในช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจจะทำให้เกิดความกังวลต่อปริมาณไฟฟ้าในภาคใต้ที่จะไม่เพียงพอนั้น ทางกฟภ.ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการ์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ยังเตรียมความพร้อมโครงการลดใช้ไฟฟ้า(ดีมานด์เรสปอนด์) โดยขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 50 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีก อย่างไรก็ตามแม้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่เชื่อว่จะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณไฟฟ้าในภาคใต้ เนื่องจากยังมีตัวเลขสำรองไฟฟ้าค่อนข้างมาก
โดยหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านไฟฟ้า กฟภ.จะมีมาตรการจัดเตรียมแผนปลดโหลด ซึ่งจะไม่กระทบต่อสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ศาลากลางจังหวัด ซึ่งจะเวียนดับไฟกลุ่มละประมาณ 2 ชั่วโมง พร้อมมอบหมายให้ กฟภ. ในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด เตรียมความพร้อมด้านเชื้อเพลิง หากโรงไฟฟ้าเกิดเหตุขัดข้อง
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมีสัดส่วนที่น้อยมาก คิดเป็น 5% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด