"ปัญหานี้ ต้องเอาบ้านไปเข้าแบงก์ ไปจำนองมีเพิ่มมากขึ้น ในช่วงนี้ยิ่งขยายวงกว้างมากขึ้น ก็ต้องดูแล แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นว่ามีคนที่เดือดร้อนอยู่เท่าไร ซึ่งแบงก์รัฐคงมีข้อมูลหมดแล้ว เขาก็รับปากมาว่าจะทำมากขึ้น" รมว.คลัง กล่าว
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ สามารถนำบ้านและที่ดินมาจดขอเงินกู้เพิ่มเติมได้ โดย ธอส.ดำเนินการได้ภายใต้กรอบของธนาคารอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับกรณีและสินทรัพย์ที่นำมา ส่วนธนาคารออมสินสามารถช่วยเหลือได้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 5 แสนบาท ขณะที่ธ.ก.ส.ช่วยได้เล็กน้อยไม่เกินรายละ 1 แสนบาท โดยผู้ที่มีปัญหาสามารถเข้ามาเจรจาขอกู้กับธนาคารได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารรัฐดังกล่าว แต่นำบ้านไปเข้ากับธนาคารพาณิชย์แล้วนั้น จากการหารือคงไม่สามารถไปรับแปลงหนี้(รีไฟแนนซ์) โอนหนี้จากธนาคารพาณิชย์มาเป็นของธนาคารรัฐได้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะโอนหนี้เสียมาให้ ก็จะทำงานสบายขึ้นไม่ต้องสำรองหนี้สูญ
รมว.คลัง กล่าวว่า ยังได้หารือถึงแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) กับ ธพว. โดยกระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำตามข้อเสนอของหลายฝ่าย เนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นชอบแนวทางช่วยเหลือ SMEs ในวงเงิน 1 แสนล้านบาทไปแล้วซึ่งถือว่าเพียงพอ และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เข้าไปชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ 2 ปีแรก ขณะที่ถ้าเกิดกรณีหนี้เสีย รัฐจะเข้าไปรับภาระ 70% ของหนี้ทั้งหมด ส่วนธนาคารพาณิชย์รับไปเพียง 30% เท่านั้น