"ปีงบ 59 ยังต้องเร่งการเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้ทั่วโลกเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่อง ดังนั้นการเร่งเรื่องการเบิกจ่ายเจึงเป็นเรื่องสำคัญ ตั้งเป้าว่าเมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 59 ผ่านวาระ 2 ก็จะให้หน่วยราชการเบิกจ่ายทันที ตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเร่งเรื่องการลงทุนในโครงการต่างๆ ส่วนเรื่องช่องทางการกู้เงิน เราก็ยังมี gap อยู่สูง เพราะทุนสำรองเราก็แข็งแกร่ง หนี้สาธารณะที่ประมาณ 42-43% ของ GDP ถือว่าต่ำมาก ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนั้น" รมว.คลัง กล่าว
ขณะที่ ปีนี้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยจะเติบโตได้ 3% ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกที่ยังเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่คิดเป็น 22-23% ของ GDP ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าไทยพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมากถึงประมาณ 70% ของ GDP ดังนั้นในอดีตที่การส่งออกโต 7-8% GDP จึงขยายตัวได้ค่อนข้างมาก แต่ปีนี้คงต้องลุ้นเรื่องการส่งออก เพราะการเบิกจ่ายงบประมาณทำได้แค่ในกรอบ 22-23% ของ GDP เท่านั้นจะทำมากกว่านี้ไม่ได้ ส่วนตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าน่าจะมีผลกระทบมากในแง่การส่งออก เพราะไทยส่งออกไปจีนคิดเป็นสัดส่วน 12-13% ของภาพรวมการส่งออกทั้งหมด และการลดลงของหุ้นจีนอาจจะเชื่อมโยงไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ด้วย เพราะมีการประเมินว่าจะขยายตัวต่ำกว่า 7% และมีโอกาสทรุดถึง 6% ดังนั้นการลดลงของ GDP จีน 1% เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจไทยแล้ว คิดเป็น 35% ของ GDP ไทย จึงถือว่าเป้นเรื่องที่หนักมาก รายได้ประชาชนของจีนก็ลดลง ผลผลิตลดลง ความต้องการซื้อสินค้าก็ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบกับไทยอย่างมากแน่นอน
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนของไทยไม่ได้มีการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมาก แต่อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และในความเห็นส่วนตัวแล้วเป็นห่วงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนมากกว่าปัญหาการชำระหนี้ของกรีซ
"ตอนนี้มาร์เก็ตแคปในตลาดหุ้นจีนหายไปแล้วประมาณ 30% หรือคิดเป็น 2.70 ล้านล้านเหรียญ คิดเป็น 6 เท่าของมาร์เก็ตแคปของไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.45 ล้านล้านเหรียญ" รมว.คลัง กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ากรมสรรพากรเปลี่ยนฐานการคำนวณภาษีเงินได้สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ใหม่นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า เป็นความจริง ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกับผู้ที่สนใจลงทุนซื้อ LTF และ RMF ในการเสียภาษีให้มีความชัดเจนมากขึ้น
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การประกาศปรับเงื่อนไขการซื้อกองทุน LTF และ RMF เป็นการดำเนินงานเพื่อให้มีความชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับเงินได้ที่นำมาใช้คำนวณภาษีสำหรับลงทุนในกองทุนดังกล่าว กรมจึงต้องประกาศถ้อยคำที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อหน่วยลงทุนแต่อย่างใด