วันนี้เงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าได้ต่อ ตามสกุลดอลลาร์ที่ร่วงลง หลังจากผู้นำยูโรโซนได้ให้เวลากรีซจนถึงวันที่ 15 ก.ค.นี้ เพื่อให้กรีซผ่านร่างกฎหมาย ซึ่งรวมถึงกฎหมายการปรับขึ้นภาษีการขาย, การลดเงินบำเหน็จบำนาญ, เปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับด้านการล้มละลาย และลดการใช้จ่ายโดยอัตโนมัติหากดุลงบประมาณของกรีซไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แลกกับการรับความช่วยเหลือด้านการเงินระยะเวลา 5 ปี
"บาทน่าจะอ่อนต่อ เพราะกรีซยังต้องรอข้อสรุปอีก ทำให้ตอนนี้มีแรงไล่ซื้อดอลลาร์เข้ามา เพราะกังวลว่าบาทจะอ่อนค่าลงไปอีก" นักบริหารเงิน
นักบริหารเงิน คาดว่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.90-34.05 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.52/54 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 122.30 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1123/1125 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1167 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.930 บาท/ดอลลาร์
- ผู้นำยูโรโซนได้ให้เวลานายกรัฐมนตรีกรีซเป็นเวลา 3 วันในการจนถึงวันที่ 15 ก.ค. เพื่อให้กรีซปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในการผ่านร่างกฎหมาย ซึ่งรวมถึงกฎหมายการปรับขึ้นภาษีการขาย, การลดเงินบำเหน็จบำนาญ, เปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับด้านการล้มละลาย และลดการใช้จ่ายโดยอัตโนมัติหากดุลงบประมาณของกรีซไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อแลกกับการรับความช่วยเหลือด้านการเงินระยะเวลา 5 ปี
- สกุลเงินยูโรร่วงลง 0.4% สู่ระดับ 1.1117 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 05.44 น.ตามเวลาซิดนีย์ในวันนี้ หลังจากมีรายงานว่า ผู้นำยูโรโซนได้ให้เวลานายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เป็นเวลา 3 วัน ในการปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว เพื่อแลกกับการรับความช่วยเหลือด้านการเงินระยะเวลา 5 ปี
- สำนักงานศุลกากรจีน เปิดเผยว่า การส่งออกของจีนในรูปสกุลเงินหยวนในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าในรูปสกุลเงินหยวนในเดือน มิ.ย.หดตัว 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ปรับตัวลง 6.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 0.9% และการนำเข้าร่วงลง 15.5%
- สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน(CAAM) เปิดเผยว่า จีนส่งออกรถยนต์ 385,100 คันในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ลดลง 13.5% เมื่อเทียบรายปี ส่วนยอดส่งออกรถยนต์ในเดือน มิ.ย.ร่วงลง 16.3% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 67,800 คัน โดยยอดส่งออกรถยนต์นั่งโดยสารในเดือนดังกล่าว อยู่ที่ 37,800 คัน ปรับตัวลดลง 20.0% เมื่อเทียบรายปี