ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจยังตึงตัว และไม่ต้องการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชนในระยะนี้ จึงได้ให้คงอัตราภาษี VAT ไว้ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี แต่รัฐบาลไม่สามารถคงภาษีไว้ที่ระดับนี้ได้ตลอด เนื่องจากจะทำให้ราคาสินค้าไม่สะท้อนกับความเป็นจริง และอาจทำให้ประชาชนไม่ใช้จ่ายอย่างประหยัด จึงให้การปรับลดภาษีเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจเป็นรายปีไป
สำหรับมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม คาดว่าจะมีผลกระทบ ดังนี้ ในส่วนของประชาชน การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะช่วยลดผลกระทบจากค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ภาคธุรกิจมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัว
ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจ ทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของอัตราภาษี ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจให้แก่ภาคเอกชนและสามารถวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้องต่อไป
ในส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หากกำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 10% (รวมภาษีท้องถิ่น) ถึงแม้จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 211,900 ล้านบาท แต่จะส่งผลต่อระดับราคาสินค้าและค่าบริการเพิ่มสูงขึ้น อันจะส่งผลต่อการบริโภค การผลิต การนำเข้า และการลงทุนภาคเอกชนลดลงทำให้ระบบเศรษฐกิจชะลอตัว
การขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 10% (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงจัดเก็บในอัตรา 7% (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี จะไม่มีผลกระทบต่อการประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ เนื่องจากในการจัดทำงบประมาณได้มีการคำนวณประมาณการรายได้ โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานการคำนวณของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในอัตรา 7% (รวมภาษีท้องถิ่น) และคาดว่าในระยะยาวจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น