ทั้งนี้จากการหารือกับ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุขล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ตกลงจะทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Hub เป็นวาระแห่งชาติ มีการตั้งคณะกรรมการที่ทำงานด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยกระทรวงสาธรณสุขจะเป็น Lead และกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะเสริมในแง่ของมุมมองด้านการท่องเที่ยว มาตรฐานการแพทย์ มาตรฐานสปาให้สอดคล้องกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้มีการทำงานกันมาแล้วระดับหนึ่ง
"เราจะผลักดันการเป็น Medical and Wellness Hub ให้เป็นวาระแห่งชาติ รอเสนอครม.ในอนาคตอันใกล้...รอให้การตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อย คาดว่าการตั้งคณะกรรมการน่าจะชัดเจนอาทิตย์หน้า...ในส่วนของกระทรวงท่องเที่ยวเสนอรายชื่อไปแล้ว เหลือรอในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข"นางกอบกาญจน์ กล่าว
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวถึงรูปแบบการเป็นวาระแห่งชาติว่า เนื่องจากเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน และทำอย่างไรให้คนหันมาสนใจ Medical and Wellness และให้ครอบคลุมทุกมิติให้ได้มากที่สุด ทั้งในเรื่องของการพัฒนามาจากฐานทางการแพทย์ในประเทศไทยให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
"เราจะพยายามมองให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่แค่เฉพาะแค่เรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เป้าหมายคือต้องการขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาติตะวันออกกลางไปสู่นักท่องเที่ยวตลาดอาเซียนมากขึ้น"
ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยว ระบุว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการเชิงการแพทย์ในปี 57 อยู่ที่ 627,684 คน น้อยกว่าปี 56 ที่อยู่ที่ 7 แสนคน ส่วนที่ปี 58 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% จากปี 56
ในส่วนของความพร้อมในการเป็น Medical and Wellness Hub นั้น ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานในระดับนานาชาติกว่า 50 โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานของไทย และสปาอีกจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม เรากำลังจะยกระดับมาตรฐานของโรงพยาบาลและสปาเหล่านี้ขึ้นไปอีก เพราะมีหลายประเทศที่ประกาศตัวว่าเป็น Medical Hub เหมือนกัน
นอกจากนี้ จะทำมาตรฐานเรื่องห้องน้ำ มาตรฐานตลาด ต้องเตรียมตัวในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวของเราสำคัญมาก ทำอย่างไรให้คนมาเที่ยวมีความสุขมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น กระจายรายได้มากขึ้น
ส่วนเรื่องมาตรการจูงใจผู้มาใช้บริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น การขยายเวลาวีซ่าให้ผู้เดินทางมาใช้บริการรักษาพยาบาลจาก 30 วันเป็น 90 วัน หรือ Multiple Visa ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
รมว.ท่องเที่ยว กล่าวเสริมตอนท้ายว่า การผลักดัน Medical and Wellness Hub แตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะเราเป็น Medical and Wellness Hub มาระดับหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้จะใช้การแพทย์แผนไทยมาเป็นตัวชูโรง ใช้สมุนไพรไทย วิถีไทยเป็นตัวชู เน้นสปาวิถีไทยของท้องถิ่นเช่น สปาล้านนา สปาวิถีอีสาน สปาวิถีใต้ เป็นต้น และที่จะเพิ่มเติมเข้ามาคือ น้ำพุร้อนของ จ.ระนอง จะทำให้ได้มาตรฐานไทยและมาตรฐานนานาชาติด้วย