"ได้รับรายงานเมื่อวานนี้ว่าการซ่อมบำรุงแหล่งเจดีเอนั้น เรือที่จะเข้ามาซ่อมบำรุงมีปัญหาเข้ามาไม่ได้เพราะมีคลื่นลมแรง คาดว่าจะเข้ามาเริ่มงานได้ช้ากว่ากำหนด 3 วันคือเริ่มในวันที่ 21 จากเดิมวันที่ 19 แต่ทุกอย่างเตรียมพร้อมเหมือนเดิม โรงไฟฟ้าจะนะก็เตรียมเชื้อเพลิงดีเซลสำรองไว้แล้ว เราก็ยังคงรณรงค์ให้ประชาชนภาคใต้ช่วยกันประหยัดไฟฟ้า ส่วนโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 2 ก็ปรับแผนจากที่จะต้องหยุดจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 19 ก็ล่าช้าออกไป 3 วัน"นายคุรุจิต กล่าว
อนึ่ง การหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ JDA-A18 จะทำให้ปริมาณก๊าซฯหายไปราว 420 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และจะกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 ขนาด 800 เมกะวัตต์ต้องหยุดเดินเครื่องผลิตตามไปด้วย แต่ในส่วนของโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 ซึ่งใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงเช่นเดียวกันนั้น ได้ปรับปรุงโรงไฟฟ้าให้สามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซลแทนก๊าซฯได้
นายคุรุจิต กล่าวอีกว่า ภาคใต้นับว่ามีอัตราการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าภาคอื่นๆ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าของภาคใต้ยังไม่มากนัก ทำให้มีความจำเป็นต้องนำไฟฟ้าจากภาคอื่นผ่านสายส่งไปยังภาคใต้ ซึ่งในอนาคตรัฐบาลก็มีแผนที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆเพิ่มเติม โดยเฉพาะในโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่ใช้ถ่านหินสะอาดเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นการกระจายการใช้เชื้อเพลิงจากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่การใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจะมาจากก๊าซฯเป็นหลักด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวปี 58-79 (PDP2015)
โดยความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง และได้ปรับแผนให้รองรับกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ดำเนินการแล้วเสร็จเรียบร้อยอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากทางการ ซึ่งรัฐบาลยังคงเดินหน้าเปิดประมูลการสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ต่อไปตามกำหนดเดิมในวันที่ 22 ก.ค.นี้ แต่การประกาศจะดำเนินการต่อไปนั้นยังต้องรอการอนุมัติ EHIA ให้เรียบร้อยก่อน