ทั้งนี้ มูลค่าการระดมทุนของภาคเอกชนผ่านการออกตราสารหนี้ระยะยาวที่ขึ้นทะเบียนกับ ThaiBMA ในช่วงครึ่งปีแรกเท่ากับ 235,013 ล้านบาท ซึ่งแม้ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จำนวนบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ระยะยาวสูงถึง 81 บริษัท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ออกรายใหม่ (Newcomer) สูงถึง 14 บริษัท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีเพียง 10 บริษัท สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกในระยะยาวมากที่สุดในช่วงครึ่งปีนี้ ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเติบโตขึ้นมาตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
สำหรับตราสารหนี้ระยะสั้นที่ขึ้นทะเบียนกับ ThaiBMA มียอดการออกรวมในช่วงครึ่งปีแรก 404,540 ล้านบาท จากผู้ออกรวม 143 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ออกรายใหม่ 30 บริษัท เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผู้ออกรวม 97 บริษัท และผู้ออกรายใหม่ 23 บริษัท
อนึ่ง มูลค่าคงค้าง(Outstanding)ของตลาดรวมเท่ากับ 9.62 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า โดยประกอบด้วยตราสารหนี้ภาครัฐ 76% และภาคเอกชน 24%
นายธาดา กล่าวว่า ในด้านกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund flow) ในช่วงครึ่งปี แรกของปี 58 เงินลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ลดลง 58,818 ล้านบาทจาก ณ สิ้นปี 57 ซึ่งอยู่ที่ 684,263 ล้านบาท (ประกอบด้วย Net outflow ในตราสารหนี้ระยะสั้น 44,559 ล้านบาท และตราสารหนี้ระยะยาว 14,259 ล้านบาท) ซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดจากการหมดอายุของตราสารหนี้ระยะสั้นและการขายสุทธิในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยการถือครองตราสารหนี รัฐบาลลดลงจาก 624,843 ล้านบาท เหลือ 589,024 ล้านบาท
ส่วนการถือครองตราสารหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยลดลงจาก 58,022 ล้านบาท เหลือ 35,106 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดการถือครองตราสารหนี้ทั่วโลกจากความกังวลเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 นักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ ไทยรวมมูลค่า 625,445 ล้านบาท โดยร้อยละ 92 ยังเป็นการถือครองในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว
ด้านความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทน(Yield)พันธบัตรรัฐบาล ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 57 พบว่า Yield ของพันธบัตรระยะสั้นถึงกลาง (อายุคงเหลือน้อยกว่า 5 ปี)ปรับตัวลดลงประมาณ 41-56 basis point ตามการลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ Yield ของพันธบัตรระยะยาว (อายุคงเหลือตั งแต่ 5 ปี ขึ้นไป) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงประมาณ 9-18 basis point จากความผันผวนของสถานการณ์ในต่างประเทศ อาทิ ปัญหาหนี้ กรีซ และความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ
นายธาดา กล่าวถึงแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงถัดไปว่า จำนวนบริษัทเอกชนที่ระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นและกระจายไปยังบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ และแรงสนับสนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐในช่วงครึ่งปี หลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับทิศทางของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะยังทรงตัวหรือปรับตัวลดลงได้อีกหากเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัว ขณะทีทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากความผันผวนของสถานการณ์การเงินในต่างประเทศ