1. การส่งเงินกองทุนเป็นรายได้แผ่นดินตามร่างมาตรา 22 วรรคสอง ได้กำหนดให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โดยกำหนดให้กองทุนมีเงินและทรัพย์สินในแต่ละปีงบประมาณไม่เกิน 5 พันล้านบาท เงินและทรัพย์สินของกองทุนที่เกินจากวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ ให้กองทุนนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจในการปรับเพิ่มวงเงินสูงสุดของกองทุนได้
"เรื่องนี้เคยผ่าน ครม.มาแล้ว และนายกรัฐมนตรีติงในเรื่องของกองทุนที่เกรงจะมีการนำเงินไปใช้เอื้อทุจริต หรือ ส่อทุจริต ซึ่งร่างพ.ร.บ.เดิมกำหนดให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจพิจารณาเก็บเงินไว้ที่กองทุนได้ แต่กฤษฎีกาเห็นว่าควรจะกำหนดวงเงินของกองทุนสูงสุดไว้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท หากเกินให้ส่งเข้าส่วนกลางที่คลัง" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
2. องค์ประกอบคณะกรรมการบริหารกองทุนตามร่างมาตรา 25 ได้กำหนดองค์ประกอบให้เป็นไปตามร่างเดิมที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการฤษฎีกา (คณะที่1) แล้ว
3. กำหนดกลไกการตรวจสอบการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารกองทุน ได้เพิ่มบทบัญญัติให้มีการเปิดเผยรายงานสถานะการเงินและการบริหารกองทุนให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้