นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบดีมานด์เทียมเข้าซื้อเก็งกำไรในโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% จากเดิมที่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว ทำให้กังวลว่าจะมีการทิ้งเงินดาวน์ รวมถึงจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาคอนโดมมิเนียม และที่ดินปรับตัวสูงขึ้นเกินความเหมาะสม โดยจากการสำรวจพบว่าเกิดขึ้นในกลุ่มโครงการระดับกลาง-บน ที่มีมูลค่าการเปิดตัวค่อนข้างมากในปีนี้
อย่างไรก็ตามมองว่าการเกิดฟองสบู่ในตลาดคอนโดมิเนียมยังมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากพื้นฐานของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผู้ประกอบการ ผู้รับเหมา รวมถึงธนาคารพาณิชย์ มีความแข็งแกร่งกว่าปี 40 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ขณะที่มีการควบคุมด้านสินเชื่อมากยิ่งขึ้น ทำให้โอกาสที่จะถูกบังคับขาย(Force Sell) หรือ เกิดหนี้เสียมีน้อยลง รวมไปถึงปัจจุบันอุตสาหกรรมมีระบบเตือนภัยที่เข้มข้น ด้วยการแจ้งข้อมูลตัวเลขต่างๆ ที่ผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะปัญหาต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"ตราบใดที่ผมยังเป็นนายกสมาคมฯอยู่ จะไม่มีฟองสบู่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะเรามีระบบเตือนภัยตลอดเวลาหากพบความผิดปกติ อย่าง 2 ปีก่อนที่เราเห็นสัญญาณขาลงของตลาดคอนโดฯต่างจังหวัดก็ได้มีการแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์และลด หรือชะลอการเปิดโครงการใหม่ ซึ่งก็ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเตรียมตัวและระมัดระวัง และไม่ถูกผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญมากนัก อย่างตอนนี้ก็เช่นกันที่เราออกมาเตือนว่าสัญญาณดีมานด์เทียมเพิ่มขึ้นแล้ว ผู้ประกอบการต้องควบคุมให้ดี เหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบหนักๆ เหมือนสมัยต้มยำกุ้ง"นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ คาดว่าปีนี้ยอดโอนคอนโดมิเนียม จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.9 แสนล้านบาท มากกว่าปี 55 ที่อยู่ระดับ 1.6 แสนล้านบาทโดยส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในปี 56 ทำให้เลื่อนก่อสร้างเป็นจำนวนมาก และมาแล้วเสร็จพร้อมกันในปีนี้ ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้สมาคมฯยังได้ปรับเพิ่มเป้าหมายมูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ปีนี้เป็นเติบโต 27% จากปีก่อน หรือแตะ 1.8 แสนล้านบาท จากเดิมคาดจะเติบโตเพียง 4% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 1.01 แสนล้านบาท เติบโต 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เน้นเจาะลูกค้าระดับบน ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก โดยมีสัดส่วนถึง 40% ของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ จากเดิมเพียง 20%
อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นห่วงว่าภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภคระดับบน เนื่องจากส่วนใหญ่มีการลงทุนในตลาดหุ้น โดยหากดัชนีหลุด 1,400 จุด อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งที่ลดลงของกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว โดยปัจจุบันพบว่าสัดส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านบาท/ยูนิต มีถึง 54% จากเดิมราว 20%
นอกจากนี้มองว่าราคาหุ้นของธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากนักลงทุนปรับกลยุทธ์และรอดูยอดโอนซึ่งจะสะท้อนผลประกอบการที่แท้จริงมากกว่า ทำให้อาจจะเป็นโอกาสในการเลือกหาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน เพราะปีนี้จะเป็นปีแห่งการโอนกรรมสิทธ์ โดยหลายบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ